"มนัญญา" ชมวิถีควายปลักแห่งทะเลน้อย หลัง FAO ยกให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของไทย
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 65 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกรม รับฟังรายงานจากองค์กรเครือข่ายผู้เลี้ยง "ควายปลัก" (ควายน้ำ) แห่งทะเลน้อย ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) ของไทย จากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ณ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จากนั้นเดินทางไปมอบถุงยังชีพปศุสัตว์และหญ้าแห้งพระราชทาน จำนวน 4 ตัน ให้กับตัวแทนเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงควายทะเลน้อย และพบปะรับฟังปัญหา และให้กำลังใจแก่กลุ่มสหกรณ์จังหวัดพัทลุง
"ยินดีกับพี่น้องชาวพัทลุงและถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ระบบการเลี้ยงควายปลักพื้นที่ทะเลน้อยได้รับประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของไทย ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ จึงขอให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ควายปลักให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น และที่สำคัญคน สัตว์ และป่า ต้องอยู่ร่วมกันได้ และใช้ประโยชน์ในถิ่นที่อยู่อาศัย สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ทะเลน้อยถือเป็นแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษา ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุน และบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์อย่างยั่งยืนต่อไป" นางสาวมนัญญา กล่าว
...
สำหรับเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหัวป่าเขียว จํากัด กลุ่มองค์กรเครือข่าย และประชาชนจํานวนประมาณ 300 ครัวเรือน ประกอบอาชีพเลี้ยงควายปลักในพื้นที่ป่าชื้นเขตอนุรักษ์ห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เนื้อที่ประมาณ 280,000 ไร่ และมีพื้นที่ชุ่มน้ำสามารถเลี้ยงปศุสัตว์ได้ประมาณ 17,500 ไร่ ทําให้เกิดวิถีวัฒนธรรมการเลี้ยงควายปลัก (ควายน้ำ) ปัจจุบันมีประมาณ 4,400 ตัว ควายจะมีการผสมพันธุ์แบบเลือดชิดทําให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่น้ำท่วมแหล่งพืชอาหารสัตว์ที่ควายหากินทุกปีในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน จะประสบปัญหาขาดแคลนทําให้ควายตายปีละ 100-200 ตัวทุกปี
ในปี 2560 เป็นต้นมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นถึงความสําคัญของวิถีวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ได้ประสาน ขอขึ้นทะเบียน "ควายปลัก" (ควายน้ำ) แห่งทะเลน้อย เป็นมรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) ของไทย จาก องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ทางคณะกรรมการตรวจสอบพื้นที่จริงในการขอรับรองระบบการเลี้ยงควายปลัก (ควายน้ำ) ในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2565 และได้รับรองขึ้นทะเบียนควายปลัก หรือควายน้ำทะเลน้อย ซึ่งเป็นปศุสัตว์ชนิดแรกของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกเกษตรโลก สำหรับในด้านการตลาดสหกรณ์ฯ ร่วมกับพันธมิตรเครือข่าย และเกษตรกรสามารถขายควายไปยังประเทศมาเลเชีย หรือการบริโภคในท้องถิ่น ราคาเฉลี่ยตัวละ 40,000-50,000 บาท สร้างรายได้เฉลี่ยปีละ 50,000-100,000 บาทต่อครัวเรือน ถือเป็นอาชีพหลักที่สําคัญ โดยสหกรณ์ฯ จะไปสนับสนุนด้านเงินทุนในการจัดหาพันธุ์วัตถุอาหารเป็นสําคัญ.