นักท่องเที่ยวชาวสวีเดน เดินข้ามถนนเพชรเกษม ที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า พังงา ถูกรถเก๋งขับโดยหนุ่มไทยวัย 26 ปี มากับเพื่อนรวม 4 คน ชนร่างกระเด็นดับอนาถ ตำรวจระบุ "เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วสูงในเขตชุมชน และไม่ระมัดระวังไม่ให้เฉี่ยวชนคนเดินเท้า"
เวลา 22.00 น. วันที่ 18 ก.ย. พ.ต.ท.สุริยา ทองสุวรรณ รอง ผกก.(สอบสวน) ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.เขาหลัก จ.พังงา ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกับคนเดินข้ามถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณหน้าตลาดนัดบางเนียง ตรงข้ามร้านอาหารตะเกียบ ถนนเพชรเกษม หมู่ 5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า
ที่ถนนเพชรเกษม แบ่งเป็นสามช่องทางจราจร มีเกาะกลางถนนและไหล่ทาง จุดเกิดเหตุอยู่ในช่องทางเดินรถขวาสุด และพบรองเท้าแตะ 1 ข้าง รอยเบรกห้ามล้อยาวประมาณ 4 เมตร และเศษชิ้นส่วนวัสดุรถยนต์ตกอยู่ในช่องทางเดินรถด้านขวา รถยนต์คันเกิดเหตุคือ ฮอนด้า เอชอาร์วี สีขาว หมายเลขทะเบียน กว 8738 ภูเก็ต จอดอยู่บริเวณแยกไฟแดงในช่องทางขวาสุด ห่างจากจุดที่พบรองเท้าแตะที่คาดว่าเป็นจุดชนประมาณ 40 เมตร ด้านท้ายรถยนต์พบกองเลือดติดอยู่บนพื้นถนน มี นายปารเมศ สุขวิบูลย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 8 ต.ลำพญา อ.บางเลน จ.นครปฐม แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ รอพบพนักงานสอบสวนในที่เกิดเหตุ
...
จากการสอบสวนทราบว่า รถยนต์คันดังกล่าวนั่งมากัน 4 คน วิ่งบนถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปทางอำเภอตะกั่วป่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณหน้าตลาดนัดบางเนียง ตรงข้ามร้านอาหารตะเกียบ หมู่ 5 ต.คึกคัก วิ่งในช่องทางขวาสุดด้วยความเร็ว ได้เฉี่ยวชน นายบียอร์น โอลอฟ ฮานสสัน นักท่องเที่ยวชาวสวีเดน ที่กำลังเดินข้ามถนนบริเวณดังกล่าวอย่างจัง และเป็นเหตุให้ นายบียอร์น บาดเจ็บสาหัส มีพลเมืองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์เขาหลัก แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บอาการสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วสูงในเขตชุมชน และไม่ระมัดระวังไม่ให้เฉี่ยวชนคนเดินเท้า ไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทางเดินรถ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด และเป็นการขับรถยนต์โดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้น จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้ต้องหาอาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จึงได้แจ้งให้กับผู้ต้องหาทราบว่าพฤติการณ์และการกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ผู้ต้องหาทราบแล้ว และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา