สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดือดระอุขึ้นมาอีกระลอก เมื่อคืนวันที่ 17 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา หลังแนวร่วมกลุ่มโจรใต้วางแผนนัดหมายกันก่อวินาศกรรม ลอบวางระเบิดป่วนเมืองพร้อมกันรวม 20 จุด ใน 3 จังหวัด ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งถือเป็นพื้นที่โซนนิ่งสีแดงของความมั่นคง เพื่อเขย่าสเถียรภาพและกดดันรัฐบาล โดยหน่วยงานความมั่นคงคาดการณ์เบื้องต้นเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ โดยใช้เยาวชนรุ่นใหม่ลงมือก่อเหตุ!!!
โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุ สันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะมีลักษณะก่อเหตุเหมือนกัน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะก่อเหตุ แต่งกายคล้ายผู้หญิง โดยใช้ระเบิดเพลิงขว้างเข้าไปในที่พื้นที่เป้าหมาย บางแห่งเป็นการวางระเบิดไว้ข้างในและกดระเบิด ที่หนักสุดคือปั๊มน้ำมันบางจาก ที่ จ.ปัตตานี คนร้ายลอบวางระเบิดที่รถบรรทุกน้ำมันจอดอยู่ติดกับหัวจ่ายน้ำมันภายในปั๊ม จึงทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง หลังเกิดเหตุ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ควบคุมสถานการณ์ได้ตั้งแต่ช่วงคืนวันเกิดเหตุแล้ว พร้อมทั้งสั่งเจ้าหน้าที่ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การติดตามจับกุมคนร้าย และประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ให้มีความปลอดภัยสูงสุด รวมไปถึงเร่งเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหาย
...
มุ่งทำลายสัญลักษณ์เศรษฐกิจ ชี้เป้าหมายเน้นกลุ่มเปราะบาง
ส่วนสาเหตุและปัจจัยในการก่อเหตุ ยังไม่สามารถสรุปได้ชัด แต่ทางภาครัฐยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เชื่อว่าเป็นความพยายามของกลุ่มขบวนการโดยไม่เน้นเป้าหมาย คาดมุ่งหวังต้องการทำลายสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่เน้นกลุ่มเปราะบางและอ่อนแอ เพราะหลังจากมีการพูดคุยสันติสุขเมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา รุ่งขึ้นกลุ่มคนร้ายก็ลอบยิงชาวบ้านหาของป่า ที่ จ.นราธิวาส เสียชีวิตทันที จากนั้นมีเหตุวางระเบิดแหล่งท่องเที่ยว ยิงชาวบ้าน ยิงรถไฟ วางระเบิดร้านสะดวกซื้อ เน้นเป้าหมายอ่อนแอเพราะส่งผลกระทบต่อความรู้สึก และสร้างความเดือดร้อน ทำลายยานพาหนะ และทำลายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ อีกทั้งระยะหลังเพื่อต้องการกดดันรัฐบาล และทำลายความน่าเชื่อถือ
ส่วนจะเกี่ยวกับสาเหตุ เป็นช่วงปลายสมัยรัฐบาลหรือไม่นั้น รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ เพื่อทำลายเสถียรภาพรัฐบาล เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ล่อแหลม แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากปัจจัยอะไร อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้สั่งการเร่งรัดคลี่คลายสถานการณ์ สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยเร็วที่สุด
ตอบโต้การเจรจาสันติสุข ที่ยังไม่บรรลุผล-หวังกดดัน รบ.
ด้าน นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะประธานการประชุมวิเคราะห์สาเหตุแนวโน้มสถานการณ์และการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฯ ชี้แจงสาเหตุการก่อเหตุดังกล่าว โดยคาดว่าเป็นการตอบโต้การพูดคุยสันติสุข เนื่องจากการพูดคุยครั้งล่าสุดยังไม่ได้ข้อตกลงเจรจาสันติสุขตามข้อเสนอของคณะพูดคุยฝ่ายไทย
...
นายกฯ ประณาม สั่งดำเนินการทาง ก.ม.กับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งสอบสวนหาสาเหตุ แรงจูงใจในการก่อเหตุ และให้ขยายผลไปยังผู้ร่วมก่อเหตุ นอกจากนี้ยังฝากความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่และทุกภาคส่วน ย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ที่สำคัญต้องดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ยังประณามการกระทำที่อุกอาจจงใจสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เจาะจงเลือกร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนมาซื้อของเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเร่งพิสูจน์และรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินการกับผู้ก่อเหตุตามกระบวนการของกฎหมายให้ถึงที่สุด
ผบ.ทบ.บอกเมื่อก่อนเกิดเหตุเยอะกว่านี้
ด้าน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ส่วนที่มองกันว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อกดดันรัฐบาล หลังมีการพูดคุยสันติสุขเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องเดิมๆ และเป็นเหตุเดิมๆ เพียงแต่สถานการณ์ดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนข้อสังเกตว่าเกิดเหตุช่วงปลายรัฐบาล เพื่อบั่นทอนเสถียรภาพนั้น เรื่องนี้เกิดทุกช่วงอยู่แล้ว อยู่ที่จังหวะของการก่อเหตุ ซึ่งเมื่อก่อนมีการก่อเหตุเยอะกว่านี้อีก ส่วนจุดอ่อนอะไรที่ทำให้เกิดการก่อเหตุได้นั้น เรื่องนี้คงไม่มี เพราะคนที่ตั้งใจก่อเหตุต้องหาจังหวะและช่วงเวลา เพราะทุกฝ่ายทำดีอยู่แล้วในการช่วยกันป้องกัน
...
เชื่อเป็นการตอบโต้ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากรัฐไทย
ขณะที่ ดร.ตายูดิน อุสมาน นักวิชาการชายแดนใต้ และอาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เชื่อว่าเป็นการตอบโต้ของกลุ่มผู้เห็นต่างต่อภาครัฐ เพื่อเรียกร้องความสนใจให้รัฐไทยให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อเนื่องจากการพูดคุยสันติสุขที่มีการหารือกันหลายครั้ง แต่ผลการพูดคุยยังไม่บรรลุและไม่ขยับไปไหน ดังนั้นเมื่อยังไม่มีการยอมรับและไม่มีการลงนาม จึงทำให้เกิดปฏิกิริยาออกมาเพื่อให้รัฐไทยรีบพูดคุย เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน เมื่อมีข้อเสนอจากผู้เห็นต่าง ส่วนใดที่จะสามารถรับได้ ก็ต้องยอม เพราะเป้าหมายของทั้ง 2 ฝ่ายก็คือความสงบสุข โดยการพูดคุยครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลงอะไรกันเลย จึงทำให้ฝ่ายเห็นต่างที่มีความคาดหวัง จึงต้องแสดงพฤติกรรมออกมา
"ต่างจากการเจรจาช่วงเดือนรอมฎอน คือ ให้มีการหยุดยิงช่วงรอมฎอน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนที่จะไปประกอบพิธีทางศาสนาในยามค่ำคืน แต่ก็เป็นในช่วงเดือนรอมฎอนเท่านั้น หลังจากนั้นการพูดคุยก็ควรจะขยายออกเป็นวงกว้างขึ้น ในช่วงเดือนรอมฎอนถือว่าประสบความสำเร็จ ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามก็ทราบว่าในช่วงเร็วๆนี้ก็จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ซึ่งจะต้องพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง คงจะเป็นไปไม่ได้ว่าจะพูดคุยกัน 2-3 ครั้งแล้วปัญหามันจะจบ เพราะปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สะสมมาอย่างยาวนาน"
...
จี้ 2 ฝ่าย เร่งพูดคุยหาข้อตกลง "สันติสุข"
ส่วนการก่อเหตุของผู้เห็นต่างครั้งล่าสุด ที่มุ่งเป้าไปยังด้านเศรษฐกิจในพื้นที่นั้น เนื่องจากเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าทำลายได้ก็จะเกิดความเดือดร้อนขึ้นกับประชาชนมากมาย ซึ่งต่างจากการก่อเหตุกับสถานที่ธรรมดา ก็อาจจะไม่ตื่นเต้นเท่ากับการทำในแหล่งเศรษฐกิจ ที่ในพื้นที่สามจังหวัดกำลังดีขึ้น เป้าหมายก็ต้องการสร้างให้เป็นข่าวใหญ่โต รัฐบาลไทยก็อยู่ไม่ได้ นิ่งเฉยไม่ได้ ก็ต้องมาพูดคุยเจรจา เพราะถ้าปล่อยเช่นนี้ก็จะเสียมวลชนทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายเห็นต่างในครั้งนี้เสียมวลชนแน่นอน เพราะความเสียหายที่เกิดกับพี่น้องมุสลิม กว่าที่จะประกอบธุรกิจขึ้นมาได้ใหม่นั้นก็ต้องเจอกับอุปสรรค การลงทุนมหาศาล แต่กลับไปทำลาย ซึ่งแน่นอนก็ต้องเสียมวลชน แทนที่เขาจะสนับสนุนก็จะกลายเป็นการต่อต้านคนที่เห็นต่างแน่นอน
"อยากให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยทำข้อตกลงร่วมกัน ให้เกิดการยอมรับแล้วชนะกันทั้งสองฝ่าย ผลดีก็จะตามมา อะไรที่ฝ่ายเห็นต่างขอที่สามารถให้ได้ รัฐก็ควรให้ จะได้เดินหน้ากันต่อไป รวมทั้งขอฝากไปยังกลุ่มที่เห็นต่างด้วยว่า จะทำอะไรก็ให้นึกถึงความเดือดร้อน ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังหนักอยู่ในปัจจุบัน และทุกข์สุขของประชาชนด้วย ซึ่งการที่กลุ่มเห็นต่างมาสร้างสถานการณ์แบบนี้ มันก็ยิ่งซ้ำเติมหนักขึ้นไปอีก".
ผู้เขียน : หงเหมิน
กราฟิก : Varanya.p