คืบหน้าเหตุเรือสปีดโบ๊ตระเบิดกลางทะเลที่ชุมพร มีผู้บาดเจ็บ 20 คน ล่าสุดผู้ว่าฯ ชุมพร ลงพื้นที่เยี่ยมคนเจ็บ กำชับตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เผยคนในเรือได้กลิ่นน้ำมันคลุ้งก่อนเรือจะออกจากท่า
กรณีเรือสปีดโบ๊ตชื่อ “เรือลมหลักคีรินทร์ 18 ของบริษัท เรือเร็วลมพระยา จำกัด สาขา ชุมพร ไฟลุกท่วมเกือบวอดทั้งลำ บริเวณเกาะลังกาจิว ตำบลปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร โดยมีชาวประมงที่ประสบเหตุกำลังช่วยเหลือผู้โดยสารและลูกเรือลำดังกล่าวที่กระโดดลอยคออยู่ในน้ำเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และโรงพยาบาลปากน้ำชุมพร แยกเป็นผู้บาดเจ็บสีแดงอาการสาหัส 2 ราย มีบาดแผลไฟไหม้ตามตัวและใบหน้า ผู้บาดเจ็บสีเหลือง 3 ราย มีบาดแผลตามร่างกายและผู้บาดเจ็บสีเขียว 15 ราย มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ก.ค. 65 ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เบื้องต้นเรือสปีดโบ๊ตลำดังกล่าวได้รับผู้โดยสารจำนวน 18 คน และพนักงานบนเรือ 2 คน ออกจากท่าเรือลมพระยาจากท่าเรือของบริษัท เพื่อส่งผู้โดยสารระหว่างชุมพร-เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากออกจากฝั่งไปได้ไม่ถึง 10 นาทีเครื่องยนต์ระเบิดอย่างรุนแรงจนไฟลุกท่วมอย่างรุนแรง ทำให้พนักงานบนเรือและผู้โดยสารบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดอีกครั้ง

...
ต่อมา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผวจ.ชุมพร ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้โดยสารที่ประสบเหตุระหว่างเดินทางไปเกาะเต่า พร้อมกล่าวว่า เรือลำดังกล่าวมีนายท้าย เด็กเรือ และผู้โดยสาร 18 คน รวม 20 คน ออกเดินทาง จากท่าเรือใน จ.ชุมพร ไปได้ 2 ไมล์ทะเล เครื่องยนต์ของเรือที่มีอยู่ 3 เครื่อง ได้เกิดระเบิดไฟลุกไหม้ ผู้โดยสารและลูกเรือ ได้กระโดดลงน้ำ แต่ทั้งหมดสวมเสื้อชูชีพทำให้สามารถช่วยเหลือตัวเองในน้ำได้อย่างปลอดภัย ขณะนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และ โรงพยาบาลปากน้ำชุมพร

ผวจ.ชุมพร กล่าวต่อว่า ขณะหลังจากที่เรือออกจากฝั่งไปประมาณ 2 ไมล์ทะเล เรือได้เกิดเหตุขัดข้องเครื่องยนต์เกิดประกายไฟ และมีประกายไฟวิ่งไปทางท้องเรือ ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ถูกไฟคลอก ในระหว่างที่เกิดเหตุตั้งแต่มีเจ้าหน้าที่ของอุทยานเข้าไปช่วยเหลือทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ 20 คน ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นฝั่งและนำส่งโรงพยาบาล ผู้บาดเจ็บมีอาการหนัก 2 คน โดยไฟไหม้ตามร่างกาย 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้โดยสารทั้ง 18 คน เป็นนักท่องเที่ยวมาจาก กทม. ขับรถมาจอดที่ท่าเรือเพื่อจะไปดำน้ำที่เกาะเต่า

นายโชตินรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากทางจังหวัดได้ให้ไปพักที่โรงแรมนานาบุรี ในตัวเมืองชุมพร ส่วนเรื่องคดีนั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อชีวิตและร่างกายประชาชน เพราะฉะนั้นทางตำรวจจะเชิญเจ้าของเรือมาสอบสวน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนสาเหตุอื่นได้ให้ทางเจ้าท่าตรวจสอบในส่วนเครื่องยนต์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่า มีกลิ่นน้ำมันก่อนที่เรือจะออกจากท่า โดยเบื้องต้นได้ให้นายตรวจเรือ นายช่างเครื่องกล ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง

...
ด้านนายบุญฤทธิ์ อภิชัยชูพงศ์ อายุ 35 ปี เป็นช่างภาพที่มากับกรุ๊ปทัวร์ 1 ในผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ผู้โดยสารทั้งหมดได้เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตั้งใจที่จะเดินทางไปเกาะเต่า โดยผู้โดยสารทั้งหมดจำนวน 18 คน ได้เช่าเหมาเรือลำดังกล่าว เพื่อไปท่องเที่ยวและดำน้ำ และพักค้างคืนที่เกาะเต่า ซึ่งช่วงเรือก่อนออกจากฝั่งระหว่างที่นั่งอยู่ในเรือตนเองและคนอื่นๆ รู้สึกผิดสังเกตเนื่องจากได้กลิ่นน้ำมันลอยขึ้นมา จนเรือแล่นออกไปจากท่าได้ประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงระเบิดตูมสนั่นเกิดไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนร้องด้วยความตกใจและกระโดดหนีตายลงน้ำ แต่โชคดีที่ทุกคนว่ายน้ำเป็นและใส่เสื้อชูชีพ
1 ในผู้รอดชีวิต กล่าวด้วยว่า ผู้ประกอบการสะเพร่าปล่อยปละละเลยไม่ดูแลเรือให้ปลอดภัย พร้อมที่จะนำมาให้บริการ ซึ่งเรือก็เหมือนรถที่จะต้องดูแลตรวจเช็กอยู่อย่างสม่ำเสมอ เหตุการณ์ครั้งนี้ยังถือว่าโชคดีมีเพียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิต และโชคดีตรงที่ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้ฝั่ง และอยู่ในระยะที่คนบนฝั่งสามารถเห็นได้.