ศรชล.ภาค 3 ประชุมวางแผนเตรียมรับ เรือสำราญขนาดใหญ่ ที่จะขนนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้าเกาะภูเก็ต มิ.ย.นี้ โดยสั่งทุกหน่วยงานบูรณาการ เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอน ง่ายต่อการควบคุมและการบริหารจัดการ เพราะจังหวัดเคยรับเรือ 200 เที่ยว โกยรายได้กว่า 800 ล้านบาทต่อปี


เมื่อวันที่ 23 พ.ค.65 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) มีการประชุมเพื่อจัดทำ SOP (Standard Operation Procedure) สำหรับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยทางทะเลฝั่งอันดามัน โดย นาวาเอก ธรรมวรรต มาลัยสุขรินทร์ รองผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม โดยมี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3/ศรชล.ภาค3 อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

นาวาเอกพิเชษฐ์ ซองตัน ผู้อำนวยการกองสารนิเทศ สำนักฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.กสน.สน.ศรชล.ภาค 3) ในฐานะโฆษก ศรชล.ภาค 3 กล่าวว่า จากสถานการณ์ทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน ด้วยเรือสำราญขนาดใหญ่ โดย ก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย นับเป็นอันดับ 8 ของภูมิภาค เอเชีย หรือประมาณ 200 เที่ยวต่อปี พานักท่องเที่ยวขึ้นมาท่องเที่ยวบนเกาะภูเก็ต จำนวน 4 แสนคน สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่า 800 ล้านบาทต่อปี และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรือสำราญขนาดใหญ่ ทำให้รายได้เป็นศูนย์

...

ในอนาคตอันใกล้นี้ คาดการณ์ว่าจะเริ่มมีเรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางมาท่องเที่ยว ทางทะเลฝั่งอันดามัน และจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเทียบเท่าก่อนเกิดสถานการณ์โควิด–19 โดยมีปัจจัยต่างๆ สนับสนุน ทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในการเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามัน รัฐบาลมีแผนประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 การกลับมาเปิดให้บริการเต็ม 100% ของผู้ประกอบการเรือสำราญขนาดใหญ่ สถานการณ์ความตึงเครียดทางด้านยุโรป และ รัสเซีย จะทำให้นักท่องเที่ยวหันมาท่องเที่ยวทางเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น รวมทั้งมีการสร้างท่าเรือสำหรับรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่ง จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่าง การสำรวจ ออกแบบ กำหนดตำบลที่ และการทำประชาพิจารณ์

สมาคมเรือสำราญขนาดใหญ่ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการเรือสำราญขนาดใหญ่เพื่อเชิญชวนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทย สมาคมเรือสำราญขนาดใหญ่ยังมี Connection กับชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมของไทย ได้แก่ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้จะมีเรือสำราญขนาดใหญ่ ชื่อ Spectrum Of The Seas จดทะเบียนที่ประเทศ บาฮามาส (Bahamas) เป็นเรือของบริษัท Royal Caribbean International (บริษัทฯ สัญชาติอเมริกัน) มีกำหนดเดินทางมานำนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2565 นี้ และเรือ Spectrum Of The Seas เป็นเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอยู่ในขณะนี้ ทดลองการเดินเรือและระบบต่างๆ ในปี 2019 เป็นเรือสำราญชั้น Quantum Ultra มีดาดฟ้า 16 ชั้น สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 4,188 คน ห้องพัก 2,100 ห้อง มีความเร็วในการเดินทาง 22 นอต (ไมล์ต่อชั่วโมง) ให้บริการอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

นาวาเอก พิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า การประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบรูณาการหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จะเดินทางมาเยือน จังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดทำขั้นตอนมาตรฐาน การบริหารจัดการที่ดีในการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ของประเทศไทย(ฝั่งอันดามัน) โดยจัดทำเป็นขั้นตอนมาตรฐานสำหรับการรับเรือสำราญขนาดใหญ่ หรือ (SOP for Cruise Ship) โดยจะรวบรวมขั้นตอนการปฏิบัติของทุกภาคส่วน มาเขียนเป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นรูปเล่มในฉบับเดียวกัน ซึ่งเมื่อดำเนินการเรียบเรียงเอกสารเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้ว จะนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ลงนามอนุมัติ และประกาศใช้งาน

การจัดทำ SOP ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายว่าจะกำหนดให้ใครหรือหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบหลัก แต่มีความมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน ง่ายต่อการควบคุมและการบริหารจัดการ ไม่เกิดการซ้ำซ้อน โดยให้ทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน ถือปฏิบัติตาม SOP ซึ่งจะปฏิบัติไปในทิศทางและแนวทางเดียวกัน เพื่อให้รู้ว่าหน่วยงานไหนต้องปฏิบัติก่อนและปฏิบัติอย่างไร และหน่วยงานไหนปฏิบัติต่อจากนั้นและปฏิบัติต่อเนื่องกันไป จนจบกระบวนการ

...

ทั้งนี้ ศรชล.ภาค 3 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนชาวฝั่งทะเลอันดามันให้ทราบว่า ศรชล.ภาค 3 มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงาน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งเป็นรายได้หลักของประชาชนฝั่งทะเลอันดามัน อย่างเต็มกำลังความสามารถ และหากท่านพบเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในทะเล ไม่ว่าจะเป็นการกระทำความผิดทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย หรือต้องการความช่วยเหลือทางทะเล ขอให้แจ้งมายัง ศรชล.ภาค 3 สายด่วน Hot Line 1465 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราพร้อมที่จะดำเนินการให้ท่านโดยทันที ตามนโยบายของ พลเรือโท สมพงษ์ นาคทอง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3/ผู้อำนวยการ ศรชล.ภาค 3 ที่ว่า "เมื่อได้รับแจ้งเหตุ ให้ ศรชล.ภาค 3 ปฏิบัติโดยทันที"