ใจมันรักเครื่องแบบ หนุ่มอ้างเป็น "ท่านขุน" ยศพันตำรวจเอกพิเศษ ห้อยกระบี่พู่เงิน ดาวเต็มบ่า หมวกประดับช่อชัยพฤกษ์เต็มยศ บุกศาลากลางนครศรีธรรมราช ตำรวจจริงต้องมาเชิญตัวไปคุยกันก่อน หากพบว่าป่วยจิตเวชก็นำส่งรพ. แต่ถ้าพบว่าเสพยาเสพติดต้องถูกดำเนินคดีหลายข้อหา
เหตุการณ์ที่ทำเอาเจ้าหน้าที่ศาลากลางนครศรีธรรมราช ต้องเร่งแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากเวลา 09.10 น. วันที่ 19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน ประจำศาลากลางนครศรีธรรมราช พบมีชายฉกรรจ์แต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจประดับเครื่องหมายชั้นยศ พันตำรวจตรี มีกระบี่ประดับพู่เงินสำหรับนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างบรรทุกสับปะรดและแตงโม เข้ามาในลานจอดรถศาลากลาง แสดงตนเป็นนายตำรวจระดับสูงคล้ายจะเข้าตรวจงานในศาลากลางจังหวัด จึงเข้าทำการพูดคุยและแจ้ง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าทำการตรวจสอบควบคุมตัว
ต่อมา ร้อยตำรวจเอกเอกพงศ์ พงศ์ขาว รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังเข้าตรวจสอบชายรายนี้พบว่าคือนายพงศ์ทวิช กลับวงศา อายุ 33 ปี เป็นชาวอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช พูดจาฉาดฉาน ได้อ้างว่า ตนเองคือ พันตำรวจเอกพิเศษขุนหลวงอาทิตย์บรมวงศาราชเดช ราชองครักษ์ ส่วนการศึกษานั้นจบระดับชั้นปริญญาโทรัฐศาสตร์การจัดการระหว่างประเทศ หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง มีการสั่งการผ่านไมโครชิปที่ติดตั้งอยู่ในหู ได้ปฏิบัติการในหลายเรื่องสำคัญในจังหวัด

...
ต่อมาหลังจากพูดคุยในเบื้องต้นแล้วได้นำตัวนางพงศ์ทวิช ไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อประสานกับญาติและผู้เกี่ยวข้องสอบถามว่า นายพงษ์ทวิช มีประวัติการรักษาด้านจิตเวชหรือไม่ รวมทั้งประวัติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยหากอยู่ในภาวะโรคจิตเวชจะต้องนำตัวส่งเข้ารับการรักษา แต่หากมีความเกี่ยวข้องหรือเป็นผลมาจากยาเสพติดจะต้องถูกดำเนินคดี ตามความผิดใน มาตรา 146 ที่ระบุว่า ผู้ใดที่ไม่มีสิทธิที่จะสวมเครื่องแบบ หรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานหรือไม่มีสิทธิใช้ยศตำแหน่ง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือสิ่งที่หมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 มาตรา 108 ที่ระบุว่า ผู้ใดแต่งเครื่องแบบตํารวจโดยไม่มีสิทธิ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี และถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทําภายในเขตซึ่งประกาศใช้กฎอัยการศึก หรือประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือเพื่อกระทําความผิดอาญา ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482 มาตรา 6 ที่ระบุว่า ห้ามไม่ให้บุคคลใดใช้เครื่องหมายราชการ เว้นแต่หน่วยงานราชการที่กำหนด.