นายหนังตะลุงดังภาคใต้รุดแจ้งความ ตร.เอาผิด "พระดอน" โกงเงิน ด้าน "พระย้อย" จอมแฉหลั่งน้ำตาเก็บสบงจีวรออกจากวัดหลังโดนเจ้าอาวาสไล่รอบ 2 เพราะทำสงฆ์แตกแยก ยืนยันจะขอปกป้องพระพุทธศาสนาต่อไป

กรณีนายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ แรมโบ้ “อดีตพระกาโตะ” พระนักเทศน์ชื่อดัง ออกมายอมรับว่าได้โอนเงินจำนวน 3 แสนบาทไปให้แก่พระคนกลาง เพื่อให้นำไปมอบให้ น.ส.ตอง สำหรับรักษาอาการป่วยไบโพลาร์ นอกจากนี้ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่ง เอาไว้สำหรับจ่ายให้สื่อท้องถิ่นเพื่อปิดข่าว กลางรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น ในขณะที่เงิน 6 แสนบาทที่นำมาเคลียร์สาวตอง 3 แสนบาท และเคลียร์นักข่าว 3 แสนเป็นเงินที่กาโตะพร้อมคณะกรรมการผู้มีอำนาจไปเบิกออกมาจากบัญชีวัด จนกาโตะยอมรับและนำเงิน 6 แสนมาคืนผ่านคณะสงฆ์ กรรมการวัด และนายก อบต.กะเปียด ส่วน “พระหลวงดอน” พระคนกลางที่พบว่ามีหมายจับคดีเช็คอีก 2-3 คดี อยู่ระหว่างหลบหนี โดยตำรวจจัดชุดติดตามจับกุมต่อเนื่อง และตำรวจ ปปป.ลงพื้นที่สอบสวนเส้นยทางการเงินอดีตพระกาโตะ เพื่อมัดตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ความคืบในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2565 ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นายหนังเอิบน้อย ยอดขุนพล อายุ 69 ปี จาก อ.ปากพนัง เดินทางเข้าความกับ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย พงส.เมือง นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับพระดอน วัดวังตะวันออก อ.เมือง นครศรีธรรมราช ที่กำลังมีข่าวฉาวกรณีสมีกาโตะเสพเมถุน และเป็นคนกลางเคลียร์เงินยุติเรื่องแต่ไม่สำเร็จ และถูกนักข่าวเปิดโปงต่อเนื่อง โดยประสงค์ให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากยืมเงินจำนวน 140,000 บาท และโอนคืนมา 50,000 บาท คงเหลือ 90,000 บาท ต่อมาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนให้ และไม่สามารถติดต่อได้ จึงเดินทางมาแจ้งดังกล่าว 

ด้าน พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบก.ภ.8 สั่งการให้ตำรวจเมืองคอนแต่งตั้งคณะชุดสอบสวนเฉพาะเรื่องพระดอนโดยเฉพาะ รับแจ้งทุกเรื่องทั้งแพ่งและอาญา และเร่งติดตามจับกุมในคดีค้างเก่าตามหมายจับ โดย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นศ.สั่งให้ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง นศ.รับคำสั่งดำเนินการ โดยมี พ.ต.ท.บุญเชิญ ทองใหญ่ และ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน) และ พ.ต.ท.ถาวร จันทมระพงษ์ สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ร่วมรับผิดชอบ

ในส่วนของการติดตามไล่ล่าจับกุมพระดอน พระคนกลางที่อมเงินอดีตพระกาโตะ 300,000 บาทโดยอ้างจะนำไปเคลียร์นักข่าวในท้องถิ่นแต่เคลียร์ไม่เด้เนื่องจากนักข่าวท้องถิ่นไม่มีใครยอมรับเงิน จนกระทั่งพระกาโตะยอมสึกจากพระ และต่อมาพบว่าพระดอนมีหมายจับคดีเช็คที่ยังไม่หมดเอายุความอีก 2 หมาย และมีผู้เสียหายถูกโกงเงินหลายรายเข้าแจ้งความ รวมทั้งนายหนังเอิบน้อย ยอดขุนพล เป็นรายล่าสุด ซึ่งทางทีมไล่ล่าได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภาค 8 ได้สั่งกหารให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวให้ได้โดยเร็ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ ล่าสุดการจับสัญญาณโทรศัพท์พบว่าอยู่ในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบสวน สภ.เมือง และ กก.สส.นครศรีธรรมราช รวมทั้งตำรวจสันติบาลลงพื้นที่ จ.พัทลุง และใกล้เคียงติดตามจับกุมตัวพระดอนอย่างกระชั้นชิด

ในขณะที่คณะของตำรวจ ปปป.ได้ยังคงปักหลักสอบสวนคณะกรรมการวัดเพ็ญญาติและนายก อบต.กะเปียด อ.ฉวาง เกี่ยวกับการร่วมกับพระกาโตะเบิกเงินในบัญชีวัด 600,000 บาทและนำเงินเข้าบัญชีวัดที่สมีกาโตะนำมาคืน 600,000 บาท ซึ่งในส่วนนี้จะมีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องรู้เห็นทั้งหมดอย่างละเอียด ก่อนจะเรียกตัวสมีกาโตะมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการรักษาทรัพย์และยักยอกทรัพย์มีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึง 400,000 บาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ยอมความไม่ได้

...

สำหรับพระกาโตะ ทางตำรวจได้นัดมาสอบสวนปากคำในคดีที่สมาคมสื่อมวลชนฟ้องหมิ่นประมาทเนื่องจากระบุในรายการโหนกระแสว่า จ่ายเงินให้นักข่าวท้องถิ่น 3 แสนบาทเพื่อปิดข่าวนั้น โดยได้นัดมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 8-9 พ.ค. 2565 ยังไม่ระบุเวลานัดที่แน่ชัด

ขณะที่ พระครูกาแก้ว เจ้าอาวาสวัดหน้าพระลานที่ พระย้อย ผู้รับคลิปฉาวมาจากสีกาตองและส่งต่อให้สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วยเปิดโปงงสึกพระกาโตะ ได้เรียกพระย่อยเขาพบและขอให้ออกจากวัดเพราะเป็นผู้สร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนาและสร้างความแตกแยกในหมู่สงฆ์ ซึ่งเป็นการไล่ออกพ้นวัดเป็นครั้งที่ 2 แม้พระย้อยจะพยายามชี้แจงว่าได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่พระครูกาแก้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมรับฟังใดๆ ทั้งสิ้น

...

พระย้อยจึงร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจและยินยอมออกจากวัด โดยได้เก็บข้าวของจำนวนหนึ่ง พร้อมกรอบรูปบุตรสาววัย 5 เดือนที่เสียชีวิตในท้อง “ครูบี” ภรรยา ก่อนออกจากวัดพระย้อยยืนยันว่า จะเดินหน้าปกป้องพระพุทธศาสนาตลอดไป จากนั้นให้พรรคพวกขับรถมารับไปอยู่ในวัดห่างไกลและขออยู่อย่างเงียบๆ สักระยะ และหลังจากกระทำภารกิจเป็นเจ้าภาพบวชให้กับครอบครัวที่ยากจนในวันที่ 14 พ.ค. 2565 เพื่อทำบุญอุทิศให้บุตรสาวแล้วเสร็จจะกำหนดวันสึกจากพระเป็นฆราวาสต่อไป.