นักข่าวเมืองคอนไล่บี้ อดีตพระกาโตะ จ่ายเงิน 3 แสนให้เพื่อปิดข่าว ยันไม่มีสมาชิกคนใดรับเงิน พร้อมติดต่อพระคนกลางรับยังไม่มีการจ่าย เพราะไม่สามารถตกลงกันได้
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.65 จากกรณี อดีตพระกาโตะ ได้ระบุผ่านรายการโหนกระแสว่า จ่ายเงินให้นักข่าวจำนวน 3 แสนบาท หลังจากที่ปรากฏความดังกล่าวแล้ว ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ได้โทรศัพท์หา พระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่สีกาตองได้นำคลิปการเจรจาเคลียร์ปัญหามาเปิดเผยข้อมูลว่าเป็นผู้เจรจา โดยหลังจากโทรศัพท์ได้บันทึกเสียงไว้เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการหาตัวผู้เรียกรับเงินที่ถูกอดีตพระกาโตะ จ่ายเงินเพื่อยุติเรื่องอื้อฉาวผ่านพระคนกลาง
โดยเหตุการณ์นี้ผู้สื่อข่าวได้เร่งติดตามข้อเท็จจริงทันที และได้โทรศัพท์ถามพระคนกลางรูปนี้ สาระสำคัญหลังจากที่พระคนกลางรูปนี้รับสายผู้สื่อข่าวได้จี้ถามว่า กาโตะบอกว่าจ่ายเงิน ได้จ่ายให้ใครอย่างไร ซึ่งพระคนกลางรูปนี้บอกว่า กาโตะได้จ่ายเงินมาให้ 3 แสนเป็นเงินสด ไม่ได้โอนมาให้ และยอมรับว่าได้ไปเจรจากับนักข่าวอาวุโสรายหนึ่งที่บ้านจริง (พร้อมระบุชื่อ) เพื่อจะใช้เงินจำนวนนี้ในการขอให้ยุติ หรือนำเสนอข่าวให้เบาลง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามจี้ถามว่าได้ตกลงกันอย่างไร หรือจ่ายไปแล้วหรือไม่ พร้อมย้ำว่าเป็นบุคคลนี้ใช่หรือไม่ (พร้อมระบุชื่อ) พระคนกลางรายนี้บอกว่ายังไม่ได้จ่าย ยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยการเจรจานี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่พระกาโตะจะสึกราว 2 วัน คือประมาณวันที่ 28-29
ขณะที่สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช โดยนายสุเชษฐ์ แรกรุ่น นายกสมาคมผู้สื่อข่าว เปิดเผยว่า ได้พยายามเช็กว่าเป็นบุคคลใด ในที่สุดพบว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช ได้พานักข่าวคนหนึ่งไปเคลียร์เรื่องนี้กับ ทิดกาโตะ และให้เงินสดไปแล้ว 3 แสนบาท โดยพระรูปนั้นเป็นผู้รับเงิน
...
สำหรับกรณีนี้สมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช ขอยืนยันว่าได้ตรวจสอบกับสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนแล้ว พบว่าสมาชิกสมาคมไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด ประกอบกับมีการติดต่อไปหาข้อเท็จจริงจากพระคนกลางแล้ว พบข้อมูลสำคัญและได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว
และล่าสุดสมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช ได้โทรสอบถาม พระธนวัฒน์ จกฺกวโร หรือ "พระย้อย" ถึงที่มาที่ไปกรณีดังกล่าว โดย "พระย้อย" บอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แต่เท่าที่ทราบ นักข่าวยังไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด และได้แจ้งทีมงานโหนกระแสไปแล้วหลังรายการ
ในส่วนของการสอบสวนของคณะกรรมการสงฆ์ในกรณี "ทิดกาโตะ" เสพเมถุนนั้น ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าทั้งเรื่องการเงินของวัดเพ็ญญาติ รวมทั้งผลสอบ ปรากฏว่าไม่มีพระรูปใดออกมาให้สัมภาษณ์ ยังคงเก็บตัวเงียบโดยไม่ยอมออกไม่ให้รายละเอียดแต่อย่างใด บอกเพียงว่าไม่สะดวกในการให้ข้อมูล แต่อย่างไรก็ตามในทางวินัยสงฆ์แล้วนั้น การออกมายอมรับของอดีตพระกาโตะ ถือเป็นอันสิ้นสุด เนื่องจทกการเสพเมถุนจะทำให้ขาดจากความเป็นพระ นับแต่องคชาตล่วงล้ำไปในอวัยวะเพศหญิงเพียงแค่ 1 องคุลีถือว่าต้องปาราชิกทันที ขาดจากความเป็นพระนับแต่นั้น การลาสิกขาที่เกิดขึ้นไม่มีผลใดๆ ดังนั้นในการตั้งกรรมการสอบสวนจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป.