เรื่องราวความรักอันน่าทึ่งของหนุ่มเวียดนาม ที่ทำทุกอย่าง ทุกทาง ยอมเสี่ยงแม้ชีวิต เพื่อจะไปพบกับหญิงสาวคนรัก ตั้งใจพายเรีอยางลำเล็กข้ามมหาสมุทรอินเดีย ด้วยระยะทางในทะเลกว่า 2,000 กิโลเมตร

วันที่ 23 มีนาคม 2565 เจ้าหน้าที่ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจาก หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลกองทัพเรือ เกาะสิมิลัน (นรภ.ทร.เกาะสิมิลัน) ว่า ได้ช่วยเหลือชายชาวเวียดนามและนำตัวขึ้นพักที่เกาะสิมิลัน ขอให้ ศรชล.ภาค 3 ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในรายงาน มีรายละเอียดที่ นรภ.ทร.เกาะสิมิลัน ได้ดำเนินการไปแล้วดังนี้

-นรภ.ทร.เกาะสิมิลันได้รับแจ้ง จากนายปัญญา เพิ่มวงศ์นิติกร นายท้ายเรือประมงชื่อ ต.ครองเพชรรุ่งเรือง ว่าพบบุคคลไม่ทราบสัญชาติ เพศชาย อยู่บนเรือยางเป่าลมสีเหลือง-ฟ้า ขนาดความยาวประมาณ 2.5 เมตร

-บนเรือมีถังน้ำดื่ม และกระเป๋าเดินทาง ลอยเรืออยู่ในทะเลลำเดียว บริเวณพิกัด Lat 8?36.6997 N Long 97?32.9237 E ทิศตะวันตกของเกาะสิมิลันประมาณ 14 กม. หรือ ห่างฝั่งจังหวัดพังงา กว่า 80 ไมล์ เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากคลื่นลมแรงในทะเล เพราะอยู่ห่างจากฝั่งมาก

-นรภ.ทร.เกาะสิมิลัน ร่วมกับ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ออกเดินทางด้วยเรือยางพื้นแข็ง เข้าตรวจสอบตามตำบลที่ได้รับแจ้ง ได้เดินทางมาถึงเรือประมง ต.ครองเพชรรุ่งเรือง และพบว่าลูกเรือกำลังช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวด้วยการผูกเรือยางเป่าลมไว้ที่บริเวณท้ายเรือ

-จากการเข้าตรวจสอบทราบชื่อชายดังกล่าว Mr HO HOANG HUNG อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ในเรือมีอาหารแห้งประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ประมาณ 10 ห่อ และถังบรรจุน้ำดื่มเหลือเพียงเล็กน้อย

...

HO HOANG HUNG  หนุ่มเวียดนามผู้ตามหารักข้ามฟ้ามหาสมุทร
HO HOANG HUNG หนุ่มเวียดนามผู้ตามหารักข้ามฟ้ามหาสมุทร

-ทัพเรือภาคที่ 3 จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ล่ามกรมข่าวทหารเรือ เพื่อสัมภาษณ์สอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์ ทราบว่าเจ้าตัวมีความตั้งใจจะพายเรือยาง ไปหาภรรยาซึ่งเป็นชาวอินเดียที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย หลังจากแต่งงานกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ต้องห่างกันเพราะ COVID-19

-ชายคนนี้ได้เดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงไซง่อน ประเทศเวียดนาม มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ต้องการต่อเครื่องไปประเทศอินเดีย แต่ไม่มีวีซ่าเข้าประเทศอินเดีย จึงได้ตัดสินใจนั่งรถโดยสารจากกรุงเทพฯ มาที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนที่จะจัดหาเรือยางเป่าลม และพายออกมาจากฝั่งจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ประมาณวันที่ 5 มีนาคม 2565 ที่หมายชายฝั่งประเทศอินเดีย ระยะทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร

-ในวันนี้ที่เรือประมงมาพบนั้น ได้ลอยเรือในทะเลมา 18 คืน เจ้าหน้าที่จึงได้นำบุคคลดังกล่าว พร้อมเรือยางมายังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

-หลังจากได้รับแจ้ง ศรชล.ภาค 3 โดย ศคท.จว.พังงา ได้ดำเนินการวางแผนในการไปรับตัวนาย HO HOANG HUNG พร้อมกับประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

-ต่อมา วันที่ 24 มี.ค. 2565 เวลา 09.30 น. หน.ศคท.จว.พังงา พร้อมเจ้าหน้าที่และ รอง ผบ.นรภ.ทร.เกาะสิมิลัน เตรียมขึ้นเรือสปีดโบ๊ต ที่ ท่าเรือ Sea Star ไปที่เกาะสิมิลัน เพื่อรับตัวชายเวียดนามกลับมาที่ฝั่ง คาดว่าจะกลับถึงฝั่งประมาณ 17.00 น. เมื่อถึงฝั่ง มีเจ้าหน้าที่ ตม.พังงาและภูเก็ต เข้าตรวจสอบเอกสารตามขั้นตอน

18 วัน พายมาได้ 80 กิโลเมตร จนท.บอกว่าโชคดีที่ชาวประมงมาเจอก่อน
18 วัน พายมาได้ 80 กิโลเมตร จนท.บอกว่าโชคดีที่ชาวประมงมาเจอก่อน

...

ในส่วนของความเห็น ในประเด็นการเดินทางด้วยเรือยางไปอินเดียนั้น ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจาก ไม่ใช่เรือเดินสมุทร ไม่มีอุปกรณ์การเดินเรือ เช่น เข็มทิศ อุปกรณ์การสื่อสาร แผนที่..

พล.ร.ต.อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว ภายหลังจากที่มีชาวประมงไปพบ และทำการช่วยเหลือชายชาวเวียดนาม ได้นำตัวไปยังเกาะสิมิลัน

"จากข้อมูลที่ได้รับจากชาวเวียดนามรายนี้ เดินทางด้วยเรือยางมาแล้ว 18 วัน และจุดที่เรือไปพบก็ห่างจากฝั่งประมาณ 80 กิโลเมตร และห่างจากเกาะสิมิลัน ไม่ไกลนัก ยังอยู่ในเขตประเทศไทย ยังมีระยะทางอีกประมาณ 12 ไมล์ทะเล หรือ 20 กิโลเมตร ถึงจะออกนอกเขตน่านน้ำของไทย"

ส่วนกรณีที่ชาวเวียดนามรายนี้ ต้องการเดินทางด้วยเรือยางไปยังประเทศอินเดียนั้น เป็นไปได้ยากมาก 18 วันเขาเดินทางไปได้แค่ 80 กิโลเมตร ที่ถือว่าเป็นแค่เศษเสี้ยวของระยะทาง 2,000 กิโลเมตร ที่จะถึงอินเดีย รวมทั้ง อาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ในการเดินเรือมีจำนวนจำกัดมาก คือมีบะหมี่สำเร็จรูป และน้ำดื่ม เพียงนิดเดียว เรือก็ลำเล็ก เข็มทิศก็ไม่มี จึงมีโอกาสที่จะเป็นผู้ประสบภัยมากกว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีชาวประมงไปเจอและให้การช่วยเหลือ ส่วนการเดินทางของชาวเวียดนามรายนี้ ดูแล้วก็ไปไม่ตรงทิศทาง เส้นทางไปทางขวา ซึ่งอาจจะไปเมียนมามากกว่า

เรือยางลำน้อย แต่หัวใจรักเกินร้อย
เรือยางลำน้อย แต่หัวใจรักเกินร้อย

...

"การจะเดินเรือข้ามมหาสมุทรอินเดียเป็นเรื่องใหญ่ เรือต้องมีขนาดที่เพียงพอ มีน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงพอ และเป็นเรือที่ใช้เดินทะเล รวมทั้งในช่วงนี้มีคำเตือนพายุในอ่าวเบงกอล พี่น้องชาวประมง ชาวเรือ ต้องระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ซึ่งถ้าเขาเดินทางไป ก็อาจจะพายุคลื่นลมแรงประสบภัยอยู่กลางทะเล"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ถูกนำตัวกลับขึ้นฝั่ง มีหน่วยงานมาให้การช่วยเหลือ และหนุ่มเวียดนามผู้นี้ สามารถมีเสรีภาพในการอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากเขาเข้าเมืองมาอย่างถูกกฎหมาย ส่วนจะต้องการความช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว ซึ่งรวมถึงการติดต่อเจ้าหน้าที่ สถานทูตฯ ช่วยประสานงานให้เดินทางไปพบกับภรรยาที่ประเทศอินเดีย อย่างปลอดภัย.