ไร้ปาฏิหาริย์เรือประมงพบแล้วศพ "ลุงตุ้ย" ชาวประมงพื้นบ้านเกาะสมุย ที่ถูกคลื่นทะเลซัดจนเรือล่มหายเมื่อ 4 วันก่อน โดยเจอห่างจากอ่าวท้องครกไป 3-4 ไมล์ทะเล นำศพกลับเข้าฝั่งชันสูตรก่อนส่งคืนญาติ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือประมงที่แล่นอยู่ในทะเล ได้แจ้งมายังชาวประมงชายฝั่งเกาะสมุย ว่าพบศพผู้ชายลอยอยู่ในทะเล ชาวประมงชายฝั่งเกาะสมุยจึงได้แจ้งไปยัง พ.ต.ท.เอกชัย สอนขำ สว.สอบสวน สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี ให้ทราบพร้อมประสานไปยัง อาสาสมัครกู้ชีพ และกู้ภัยกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย เพื่อนำเรือขนาดเล็กออกไปนำศพกลับเข้าฝั่ง
โดยเบื้องต้นเรือประมงแจ้งเข้ามาว่า พบศพเพศชายลอยอยู่ในทะเล ห่างจากชายฝั่งห่างจากอ่าวท้องครก ม.4 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 2-3 ไมล์ทะเล เมื่อทางเจ้าหน้าที่นำเรือออกไปนำศพเข้ามาชายฝั่ง ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าศพดังกล่าว คือ ศพของ นายอุดม รามพรหม หรือ ลุงตุ้ย อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นชาวประมงพื้นบ้านที่เกาะสมุย ที่ประสบเหตุถูกคลื่นลมที่มีกำลังในวันนั้น ซัดเข้าใส่เรือของ ลุงตุ้ย จนเรือล่มจมลงกลางทะเลขณะที่กำลังออกหาปลาอยู่ในทะเล เมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 5 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ทำให้นายอุดม สูญหายไปในทะเล
...
ด้าน น.ส.ขวัญนภา แทนโชติ หลานสาวของ ลุงตุ้ย กล่าวว่า ลุงตุ้ย ไม่มีลูกใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาเพียง 2 คน ประกอบอาชีพทำประมงพื้นบ้านมานานมากแล้ว แทบทุกวัน ลุงตุ้ย จะนำเรือประมงขนาดเล็กออกไปลอยอวนจับปลาในทะเลมาขายเลี้ยงครอบครัว โดยเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 5 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ลุงตุ้ย ก็ได้นำเรือออกไปลอยอวนหาปลาตามปกติ จนผ่านมาถึงช่วงเช้าก็ยังไม่มีใครพบ ลุงตุ้ย กลับมาบ้าน ญาติๆ ก็เลยได้พากันออกตามหา พร้อมทั้งแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ให้ช่วยกันตามหา
เมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเรือออกไปค้นหาในจุดที่คาดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่พบร่างของ ลุงตุ้ย พบแต่เพียงอวนของลุงตุ้ยที่ลอยอยู่ในทะเล ทางญาติๆ และเจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่สิ้นหวัง ยังคงค้นหาต่อหวังว่าจะมีปาฎิหาริย์ ว่าลุงตุ้ย จะว่ายน้ำ หรืออาจจะถูกกระแสน้ำพัดไปติดอยู่ที่เกาะใด เกาะหนึ่งใกล้เกาะสมุย แต่แล้วปาฎิหาริย์ก็ไม่เกิด เมื่อเรือประมงที่แล่นอยู่ในทะเล พบศพลุงตุ้ย ลอยอยู่ในทะเลห่างจากจุดที่เรือลุงตุ้ยจม ประมาณ 20 กม. จากกระแสน้ำทะเลที่พัดมา
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสภาพศพ และส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของลุงตุ้ย อย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะให้ทางญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา.