ศรชล.ภาค 2 ตั้งโต๊ะเจรจาชี้แจงชาวบ้าน หลังรวมตัวประท้วงไล่ให้ออกจากพื้นที่ และชะลอการรื้อถอนขนำ หลังหารือทำความเข้าใจนานกว่า 3 ชม. โดยทาง ศรชล.ภาค 2 จะอยู่ในพื้นที่แก้ปัญหาอ่าวบ้านดอนต่อไป


จากกรณีชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 500 คน ใช้รถและเรือเป็นยานพาหนะ บุกเข้าล้อมพื้นที่บริเวณวัดชลธาร พื้นที่หมู่ 2 ต.บางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งถูกใช้เป็นที่ตั้งของกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย และแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธาณะอ่าวบ้านดอน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค 2) พร้อมทั้งเรียกร้องให้ย้ายหน่วยงาน ศรชล. ออกนอกพื้นที่ โดยให้เหตุผลว่า การเข้ามาทำงานแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในอ่าวบ้านดอนของ ศรชล. ทำให้เกิดความเสียหายต่อประมงชายฝั่ง หลังมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครงรื้อถอนขนำ ทำให้มีเรือประมงผิดกฎหมายเข้ามาทำการประมงในเขตประมงพื้นบ้านโดยไม่ทำหน้าที่จับกุม ส่งผลให้เครื่องมือประมงของชาวบ้านเสียหาย

ซึ่งต่อมา นายสุทธิพร คล้ายอุดม รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นาวาเอกสมชาย ศิพะโย ผู้บัญชาการหมู่เรือรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณอ่าวบ้านดอน ได้เข้าเจรจาและให้ส่งตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมประชุมหารือร่วมกันในเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน

...

ต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 31 ส.ค. พล.ร.ท.สำเริง จันทโส ผู้บัญชาการกองเรือภาค 2 พร้อมด้วย นายสุทธิพร คล้ายอุดม รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมหารือกับ 7 ตัวแทนชาวบ้าน โดยตัวแทนชาวบ้านมี นายรักษ์เพิ่ม เวชวัฒน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางชนะ กับพวกรวม 7 คนเข้าร่วมประชุม หารือข้อเรียกร้อง ซึ่งได้ยกกรณีขนำในทะเลสาบ จ.สงขลา ที่ยังให้ชาวประมงพื้นบ้านทำได้ โดยขอให้ ศรชล.ออกจากพื้นที่ และต้องการให้ชะลอการรื้อขนำ แต่ทาง ศรชล.ยืนยันดำเนินการหน้าที่ตามกฎหมาย ส่วนกรณีของเรือประมงผิดกฎหมายนั้น ให้ชาวประมงที่พบเห็นสามารถแจ้งกับหน่วยทหารเรือที่ลาดตระเวนอยู่ในบริเวณอ่าวบ้านดอน เพื่อประสานต่อไปยังจังหวัดหรือตำรวจน้ำให้ดำเนินการเข้าจับกุมเนื่องจากศรชล.ไม่มีอำนาจ

ส่วนการรื้อถอนขนำปฐมฤกษ์ 2 หลังแรกในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ทางศรชล.ยืนยันจะดำเนินการต่อไป โดยในวันที่ 1 ก.ย.นี้ พล.ร.ท.สำเริง จันทโส ผู้บัญชาการกองเรือภาค 2 จะเดินทางมาปฏิบัติการด้วยตนเอง ทั้งนี้เจ้าของขนำทั้ง 176 หลัง ในพื้นที่ อ.เมือง และพุนพิน ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี สามารถแสดงตนเพื่อยับยั้งการรื้อถอนและไปสู้คดีอุทธรณ์ในชั้นศาลได้ โดยยืนยันศรชล.ยังคงอยู่ในพื้นที่แก้ไขอ่าวบ้านดอนต่อไป

ทั้งนี้ได้ใช้เวลาในการประชุมหารือกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะยุติการประชุมและชาวบ้านสลายตัว.