เปิดเทอมวันแรก นักเรียนชายแดนใต้ที่ยะลา ปฏิบัติตามมาตรฐาน 6 ข้อ อย่างเคร่งครัด ส่วนโรงเรียนติดชายแดนที่นราธิวาส ประสบปัญหาเด็กที่ข้ามไปอยู่กับพ่อแม่ในมาเลเซีย ไม่สามารถกลับมาเรียนได้เพราะยังปิดประเทศ บางคนขอพักเรียนไปเลย 1 ปี
วันที่ 1 ก.ค.63 บรรยากาศเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2563 ซึ่งเป็นวันแรก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ตามมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาล โรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดยะลา ทั้งโรงเรียนคณะราษฎรบำรุงจังหวัดยะลา โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ได้มีการปฏิบัติมาตรการคัดกรองเข้มตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการกำหนด ตามมาตรฐาน 6 ข้อของสถานศึกษา ประกอบด้วย
1. คัดกรองวัดไข้ 2. สวมหน้ากาก 3. ล้างมือ 4. เว้นระยะห่าง 5. ทำความสะอาด 6. ลดความแออัด โดยโรงเรียนได้มีการจัดรูปแบบตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ (COVID-19) ตามวิถีชีวิตแบบใหม่ New Normal
...
ขณะที่โรงเรียนอนุบาลยะลา โรงเรียนระดับประถมศึกษา นายวิสุทธิ์ ชูมัง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต 1 พร้อมด้วยศึกษาธิการจังหวัดยะลา และคณะกรรมการ สพฐ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ความพร้อมของมาตรการคัดกรองของโรงเรียน และพบปะนักเรียนหน้าเสาธง
ส่วนบรรยากาศโรงเรียนอนุบาลประณีตยะลา โรงเรียนระดับชั้นอนุบาล ผู้ปกครองได้มาส่งเด็กนักเรียนเข้าเรียน ท่ามกลางมาตรการคัดกรองเข้มของโรงเรียน ขณะที่เด็กๆ ยังไม่คุ้นชินกับการเปิดภาคเรียนใหม่ ร้องไห้ ไม่ยอมห่างจากผู้ปกครอง ครูประจำชั้นเรียนต้องอุ้มตลอดเวลา สร้างบรรยากาศและสีสันในช่วงเปิดภาคเรียน
วันเดียวกันที่ จ.นราธิวาส ที่โรงเรียนบ้านบูเกะตา ต.โล๊ะจูด อ.แว้ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 และเป็น 1 ใน 18 โรง ที่ตั้งอยู่บริเวณตะเข็บแนวชายแดน ของ 5 อำเภอ คือ สุไหงโก-ลก ตากใบ สุคิริน สุไหงปาดีและแว้ง นายสุพจน์ มณีรัตนโชติ ผอ.สนง.เขตพื้นที่การประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ได้มีการเรียกประชุมผู้บริหารโรงเรียนก่อนหน้านี้ พบว่ามีนักเรียนสัญชาติไทย จำนวน 151 คน หลังจากปิดเทอมได้เดินทางไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาในพื้นที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนแต่ละแห่ง ได้มีการติดต่อประสานงานผ่านแอปพลิเคชัน LINE เพื่อให้นักเรียนกลับมาเรียนหนังสือในช่วงเปิดเทอมคือวันนี้ แต่พบว่ามีนักเรียนโรงเรียนบ้านบูเก๊ะตา ที่เดินทางไปอาศัยอยู่กับบิดามารดาในประเทศมาเลเซีย จำนวน 73 คน เดินทางกลับข้ามแดนมาเรียนหนังสือเพียง 13 คน โดยผ่านกระบวนการดูอาการที่ศูนย์กักกัน หรือ LOCAL QUARANTINE
ส่วนอีก 60 คน ผู้ปกครองยืนยันจะพักอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากผู้ปกครองต้องทำงานหาเลี้ยงชีพที่มาเลเซีย ส่งผลให้นักเรียนไม่สามารถข้ามพรมแดนมาเรียนหนังสือ แบบไปเช้าเย็นกลับเหมือนที่ผ่านมาได้ เนื่องจากขณะนี้ประเทศมาเลเซียยังมีมาตรการปิดประเทศอยู่ โดยนายมูฮัมมัดอดัมส์ หะยีอาลี ผอ.โรงเรียนบ้านบูเกะตา ได้แนะนำให้นักเรียนเรียนหนังสือผ่านระบบออนไลน์ที่บ้านพักในประเทศมาเลเซีย หรือ Learn from Home จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ส่วนกรณีนักเรียนอีกจำนวน 78 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ตะเข็บรอยต่อของ 5 อำเภอ ทางผู้บริหารโรงเรียนได้ประสานผ่านไปยังบิดามารดา ซึ่งติดต่อได้บ้างและติดต่อไม่ได้บ้างโดยส่วนหนึ่งได้มีการแจ้งความประสงค์ว่า ถ้าจำเป็นจริงๆ จะให้เด็กหยุดเรียน 1 ปี เนื่องจากมีภูมิลำเนาต่างพื้นที่และไม่มีเครือญาติฝั่งประเทศไทย เมื่อสภาวะไวรัสโควิด 19 คลี่คลายสู่สภาวะปกติเด็กจึงกลับมาเรียนหนังสือตามเดิม
อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 78 คนนี้ มีเด็กนักเรียน 9 คนกำลังศึกษาโรงเรียนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก อาทิ โรงเรียนบ้านมูโนะ โรงเรียนกวาลอซีรา โรงเรียนบ้านลูโบะซามา โรงเรียนบ้านลือโบะลือซง และโรงเรียนในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี คือ โรงเรียนบ้านสากอ ที่ผ่านกระบวนการดูอาการที่ศูนย์กักกัน หรือ LOCAL QUARANTINE ซึ่งบิดามารดาต้องทำงานหาเลี้ยงชีพที่มาเลเซีย ได้ส่งนักเรียนมาอาศัยอยู่ชั่วคราวที่บ้านของเครือญาติในช่วงเปิดเทอม หากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 กลับคืนสู่สภาวะปกติและประเทศมาเลเซียยกเลิกมาตรการปิดประเทศ ก็จะให้นักเรียนเรียนหนังสือแบบไปเช้าเย็นกลับระหว่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา
...