แพทย์รพ.หาดใหญ่ ถึงกับงง เจอเคสยายปวดท้อง ทำอย่างไรก็ไม่หาย สุดท้ายต้องเจาะช่องท้อง เอาสิ่งแปลกปลอมออกมา ปรากฏว่าคือมะละกอ ส่วนยายนอนรพ.15 วัน ยอมรับ "กลืนส้มตำ" เพราะไม่มีฟันจะเคี้ยว
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Jirat Jiratham-opas” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นพ.จิรัชย์ จิรธรรมโอภาส แพทย์ชำนาญการแผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้มีการแชร์ภาพและข้อความว่า "อีกละ เคสแปลก ๆ หม้ายรู่ ไอ้ไหร่ เจ็บหัวจิง! ตำบักหุ่ง อุดตัน ลำไส้ โรคอันหยั่งวะเนี้ย? เม็ดกระท้อน ก้อว่า จังซี้แล้ว เจอ "ตำบักหุ่ง Obstruction Syndrome" เข้าไป... มึนตึ๊บ ต้องไปอ่านตำราเล่มไหนวะเนี้ยยย... เอาว่า ใครใคร่อยากกินไร...กิน แต่เคี้ยวให้ละเอียดหน่อยนะครับ ปล. อัดตอนคนไข้มา F/u ขออนุญาตคุณป้าแล้วครับ"
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวกับทาง นพ.จิรัชย์ จิรธรรมโอภาส ชำนาญการแผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ คนไข้เข้ามารักษาเมื่อวันที่ 15 พ.ค.63 ด้วยอาการปวดท้องบิด ๆ คลื่นไส้ อาเจียนเป็นน้ำเขียว ๆ ไม่ถ่าย ไม่ผายลม และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นประมาณ 15 วันจึงให้กลับบ้าน

...
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน นางสมพร ประดับจันทร์ อายุ 60 ปี คนไข้ บ้านเลขที่ 50 บ้านกลาง ม.5 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สอบถามถึงอาการและเรื่องที่เกิดขึ้น
นางสมพร เล่าว่า อาการเริ่มอาเจียน 4-5 ครั้งแล้ว กินยาแก้ปวดก็ไม่หาย พอตอนเช้าจึงไปหาหมอเลย พอไปถึงก็ไม่หาย เจ็บขึ้นเรื่อยๆ จึงขอยาแก้ปวดกิน แต่บรรเทาได้แป๊บเดียวมันก็เจ็บขึ้นมาอีก
"ก่อนจะมีอาการปวดท้องยายกินส้มตำไป 1 จาน กินกันทั้งหมดหลายคน กินไม่มาก ข้างในมันไม่มีฟันแล้ว ยายก็เลยดูดน้ำกินแล้วก็กลืนลงไปเลย เพิ่งกินแบบนี้ครั้งแรก แล้วก็เจ็บท้องไปหาหมอ หมอก็บอกว่าลำไส้อุดตัน แล้วหมอก็ผ่าลำไส้ให้เลยค่อยยังชั่ว นอนอยู่โรงพยาบาล 15 วันหมอให้กลับบ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้นถามหมอว่ากลับบ้านได้ยัง หมอก็บอกว่ายังกลับไม่ได้ ยังไม่หาย หมอใจดี ไปอีกหมอก็ยังทัก หมอยังนัดไปส่องกล้องอีก ไม่คิดเลยว่ากินเข้าไปแล้วมันจะเป็นแบบนี้
ด้านนพ.จิรัชย์ จิรธรรมโอภาส เผยว่า คนไข้คนนี้เป็นผู้หญิงอายุ 60 ปี พอดีคนไข้เคยมีประวัติเรื่องการผ่าตัดมาก่อน คนไข้เคยเป็นนิ่วในตับ และตอนนั้นเราได้ทำการผ่าตัดโดยผ่าตับทิ้ง นำนิ่วออกมาทั้งหมด ทำทางเดินอาหารใหม่ รอบนี้คนไข้มาด้วยอาการของลำไส้อุดตัน โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าผู้ป่วยมีประวัติแบบนี้ สิ่งแรกที่เราจะนึกถึงก็คือน่าจะเป็นพังผืดในลำไส้ที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด แต่ว่าผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ไม่พบพังผืดจึงส่งไปซีทีสแกน ปรากฏว่ามีลักษณะของสิ่งแปลกปลอมอยู่ในลำไส้เล็กในส่วนท้ายๆ กำลังจะออกไปลำไส้ใหญ่

"หลังจากที่เราดูคิดว่าเอ๊ะ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์มันไม่ได้บอกอะไรเราชัดเจน เราก็เลยส่องกล้องเข้าไป เจาะรูเล็กๆ เห็นจากรูปแผลผ่าตัดจะมีแผลบริเวณสะดือประมาณ 1 ซม.หลังจากเราส่องกล้องเข้าไป ก็เห็นว่าลักษณะของลำไส้ มีส่วนที่บวมและส่วนที่แฟบ ตำแหน่งที่เป็นจุดเปลี่ยนระหว่างจุดที่บวมกับจุดที่แฟบก็จะเป็นจุดที่มีพยาธิสภาพอยู่ ก็ใช้เครื่องมือจับดู มันเป็นก้อนแข็งๆ กลมๆ ขนาดเท่าไข่ไก่ ตอนนั้นคิดว่ามันน่าจะมีก้อนนิ่วหรืออะไรหรือเปล่า เพราะน่าจะเป็นเรื่องของโรคเดิม ที่คนไข้เป็นอยู่ ก็เลยทำการเปิดแผลอีกเล็กๆ ประมาณ 2 ซม.บริเวณท้องด้านซ้าย ด้านล่างและดึงไส้ขึ้นมา แล้วเราก็เอามือคลำปรากฏว่ามันเป็นก้อนแข็งๆ ลักษณะคล้ายๆ กับก้อนนิ่วนะ แต่เราผ่าตัดเปิดออกมาก็เป็นก้อนกลมๆ สีน้ำตาลรูปเหมือนไข่ไก่ หลังจากเราเอาก้อนออกปุ๊บก็เย็บปิดและใส่ลำไส้กลับเข้าหน้าท้อง เย็บปิดแผล ปรากฏว่าเราเอาก้อนออกมาดูมาบี้มันกลายเป็นเส้น เป็นฝอยๆ เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เลยส่งไปที่หมอพยาธิสภาพให้เขาตรวจสอบว่ามันคืออะไร หมอพยาธิสภาพรายงานผลกลับมาบอกว่า เป็นลักษณะของอาหาร ผมก็เลยกลับไปถามคนไข้ว่าวันนั้นคุณป้าทานอะไรที่ผิดปกติไปหรือปล่า และก็ให้คนไข้ดูรูป คนไข้ก็บอกว่าเป็นมะละกอครับ แกทานส้มตำก็เลยน่าจะเป็นจากการรับประทานอาหารที่ไม่ได้เคี้ยว แกบอกว่าแกดูดแล้วก็กลืนลงไปเลย"
นพ.จิรัชย์ กล่าวอีกว่า อาการของคนไข้เป็นมาประมาณ 2-3 วัน อาการคนไข้เริ่มจากปวดท้อง มีแน่นๆ และมีอาการร่วมกับไม่ถ่าย ไม่ผายลม มีท้องอืดเล็กน้อย และก็มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน จริงๆ แล้วร่างกายมนุษย์ไม่ได้มีโครงสร้างของการย่อยอาหารโดยไม่เคี้ยว ปกติแล้วคำแนะนำของคุณหมอส่วนใหญ่ จะบอกว่าถ้าเป็นไปได้เราควรจะเคี้ยวประมาณ 50 ครั้งก่อนแล้วถึงจะกลืน ถ้าเราสามารถฝึกให้เป็นนิสัยได้อาการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะว่าวันหนึ่งพอเรามีอายุมากขึ้นตัวพยาธิสภาพร่างกายของเรา การย่อยก็จะเริ่มเสื่อม อาจทำให้มีปัญหาในเรื่องการย่อยโดยเฉพาะอาหารที่เป็นกากใยพวกผัก หรือลักษณะของกลุ่มมะละกอ ที่มีลักษณะแข็ง จะทำให้ย่อยยากขึ้น เพราะฉะนั้น แนะนำว่าควรจะเคี้ยวก่อนกลืน.
...