เตรียมเรียก "แม่ค้าหอย" ร้องตำรวจรีดเงินมาสอบ หลังสื่อมวลชนในพื้นที่รวมตัวแจ้งความแม่ค้าสาวแจ้งความเท็จ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ยัน ตร.จะให้ความเป็นธรรมสองฝ่ายเนื่องจากข้อเท็จจริงยังขัดแย้งกัน

จากกรณีที่ นางสาวสุนิศา จีนเกลี้ยง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 หมู่ที่ 3 ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง ซึ่งเป็นแม่ค้าขายอาหารทะเล ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนพัทลุงว่า ได้ถูกกลุ่มตำรวจที่ตั้งจุดตรวจจับกุมในช่วงเคอร์ฟิวรีดเงิน 80,000 บาท แทนการถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา แต่เจรจาลดเหลือเพียง 10,000 บาท โดยตนได้โอนเงินสด 5,700 บาท ผ่านบัญชี ผบ.หมู่(สืบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ส่วนเงินที่ขาด 4,300 บาทนั้น กลุ่มตำรวจได้นำอาหารทะเลไปแกล้มเหล้าบนโรงพักจนครบจำนวน ต่อมานางสาวสุนิศาเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการชุดสอบข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าว โดยระบุว่า เงินที่โอนให้กันั้นเป็นเงินค่าหนี้สินที่ตนยืมสมัยที่เป็นแฟนกันจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศ

จนล่าสุด 9 มิ.ย.63 นายไสว รุยันต์ อายุ 50 ปี สื่อมวลชนส่วนกลางช่องหนึ่ง พร้อมกลุ่มผู้สื่อข่าว ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางสาวสุนิศา จีนเกลี้ยง อายุ 33 ปี ในข้อหาแจ้งความเท็จทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย โดยมีชาวบ้านที่ติดตามข่าวฉาวโฉ่ดังกล่าวนำช่อดอกไม้มาให้นายไสว และกลุ่มสื่อมวลชนที่ร่วมกันเสนอข่าวดังกล่าวจำนวนหลายคน ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

ด้าน พ.ต.ท.สมชาย ช่วยบำรุง รอง ผกก.สอบสวน รักษาการแทน ผกก.สภ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า เมื่อมีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ทางพนักงานสอบสวนก็ได้มีการสอบปากคำผู้กล่าวหาเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นใคร กระทำการแบบไหน จนเป็นเหตุให้ผู้กล่าวหาร้องทุกข์ดำเนินคดี สำหรับในคดีนี้นายไสว รุยันต์ สื่อมวลชนส่วนกลางของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งกล่าวหว่า น.ส.สุนิศา ได้แจ้งข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย หรือเสียหาย ซึ่งการร้องทุกข์กล่าวโทษในครั้งนี้นายไสวได้มอบพยานมาประกอบการร้องทุกข์ อาทิ บันทึกการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.สุนิศา ข้อความทางไลน์ ฯลฯ ให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาด้วย

...

สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้น เมื่อพนักงานสอบสวนได้ข้อเท็จจริงจากคำให้การ และยังมีเอกสาร พยานหลักฐานที่นายไสว ซึ่งเป็นผู้กล่าวหามอบให้แล้วนั้น ในขั้นตอนการพิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ นั้น พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานว่าการกล่าวหาเข้าองค์ประกอบความผิดในฐานใดหรือไม่ หากพบว่า น.ส.สุนิศามีความผิดตามกฎหมายทางพนักงานสอบสวนก็จะเรียกตัว น.ส.สุนิศา มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หากไม่พบการกระทำความผิดทางพนักงานสอบสวนก็จะมีความเห็นไปตามขั้นตอนเช่นกัน สำหรับคดีดังกล่าวนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทางพนักงานสอบสวนจึงต้องใช้ความสุขุม รอบคอบ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายได้ให้ปากคำต่อตำรวจที่ขัดแย้งกัน.