รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส เผย ไฟป่าพรุบาเจาะเหลืออีก 20% เร่งระดมสรรพกำลังเข้าดับไฟป่า ขณะเดียวกับที่รอลุ้นฝนตกมาช่วยให้น้ำเต็มป่าพรุ ล่าสุด ร้องไปยัง ปภ.ขอเฮลิคอปเตอร์ KA-32 มาช่วยอีกแรง
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.63 สำหรับสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.63 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (4 มิ.ย.) เป็นเวลา 21 วันแล้ว โดยเมื่อวานนี้ในช่วงบ่ายถึงเย็น หมอกควันจากไฟป่าพรุยังคงแผ่กระจายในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียงบ้างแต่ไม่มากนักและเป็นช่วงระยะเวลาสั้น เนื่องจากกระแสของทิศทางลมพัดมาทางตัวเมืองนราธิวาส
นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส ที่กำกับดูแลเรื่องของสถานการณ์ไฟป่าพรุบาเจาะในครั้งนี้ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ไฟป่าพรุจะเริ่มมอดลงประมาณ 80% ยังคงเหลือพื้นที่ที่ชั้นใต้ดินยังคงมีไฟคุกรุ่นอีกประมาณ 20% แต่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชนและกำลังของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ก็ยังคงระดมสรรพกำลังเร่งปฏิบัติการดับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะไฟป่าครั้งนี้ขยายวงกว้างถึง 2,300 ไร่ นับว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดของพื้นที่ป่าใน จ.นราธิวาส
...
“ในส่วนพื้นที่ที่ยังคงมีไฟคุกรุ่นอีกประมาณ 20% นั้น สรรพกำลังเดิมที่มีอยู่ของเราที่ผนึกกำลังกับ จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา เพื่อร่วมกันปฏิบัติการดับไฟป่าครั้งนี้ให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ แต่หากโชคดีฝนตกหนักลงมาซ้ำอีก เชื่อว่าไฟป่าจะมอดลงในที่สุด ทั้งนี้ทีมดับไฟพร้อมอุปกรณ์มีพร้อมเต็มที่ในการดับไฟ ทั้งรถดับเพลิง เครื่องส่งสูบน้ำระยะไกล เครื่องหาบหาม ช่วงเช้าของวันนี้ท้องฟ้ายังมืดครึ้มเล็กน้อย เพราะสภาพอากาศ เรากำลังรอฝน รวมทั้งต้องสูบน้ำให้เต็มในพื้นที่ป่าพรุ” รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส กล่าว
นอกจากนี้ จากข้อมูลที่ได้รับการชี้แจงจากแหล่งข่าวทาง จ.นราธิวาส พบว่า ล่าสุดวันนี้ทาง จ.นราธิวาส ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เฉพาะกิจดับเพลิงแบบ KA-32 จำนวน 1 ลำ ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง 2 ลำเท่านั้น มาช่วยดับไฟป่าพรุบาเจาะให้ดับสิ้นซากทั้งพื้นที่ 2,300 ไร่ และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากกรมป้องกันฯ
อย่างไรก็ตาม ป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ เป็นพื้นที่ที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯมาเมื่อปี พ.ศ.2517 เป็นป่าพรุที่มีความอุดมสมบูรณ์ และตั้งอยู่ใกล้ อ.เมืองนราธิวาส ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ไฟป่า ควันไฟจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นอย่างมาก.