สลดพ่อแม่ลูกตายายหนีภัยแล้งและโควิดจากนครพนม มารับจ้างดูแลสวนที่ จ.ชุมพร ได้เพียง 11 วัน ลูกชายวัย 1 ขวบ 8 เดือน ถูกซากต้นทุเรียนยืนต้นตายล้มทับดับอนาถ วอนคนใจบุญช่วยเหลืองานศพเพราะไม่มีเงิน

เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 15 พ.ค.63 ผู้ส่อข่าวได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีป อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ได้นำโลงศพไปใส่ร่างของ ด.ช.ธนดล โคตะบิน อายุ 1 ขวบ 8 เดือน ที่โรงพยาบาลพะโต๊ะ ที่เสียชีวิตจากต้นทุเรียนล้มทับจนเสียชีวิต แต่ทางครอบครัวมีอาชีพรับจ้างฐานะยากจนมีเงินอยู่เพียง 70 บาทเท่านั้น จึงขอรับบริจาคโลงศพดังกล่าว ก่อนจะนำศพไปทำบุญและฌาปนกิจที่วัดฟาติมะ ในพื้นที่เกิดเหตุ

โดยเมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 15 พ.ค.63 ที่หมู่บ้านลางตาง หมู่ที่ 19 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในป่าเขาเขตรอยต่อระหว่าง จ.ชุมพร และ จ.ระนอง หลังจากที่ นางสาวศิริลักษ์ โคตะบิน อายุ 22 ปี นายวรุฒ โคตะบิน อายุ 28 ปี พ่อและแม่ของน้องธนดล พร้อมด้วย นางนุจรินทร์ โคตะบิน อายุ 48 ปี นายไสว โคตะบิน อายุ 52 ปี ย่าและปู่ของเด็กชายธนดล ทั้งหมดมีอาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 8 ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ได้เร่งนำร่างของ ด.ช.ธนดล โคตะบิน อายุ 1 ขวบ 8 เดือน ในสภาพหมดสติไม่รู้สึกตัวส่งโรงพยาบาลพะโต๊ะ แต่เมื่อมาถึงมือแพทย์เด็กชายธนดลได้เสียชีวิตก่อนหน้านั้นแล้ว

...

ย่าของเด็กชายธนดล กล่าวว่า ครอบครัวตนมีอาชีพรับจ้างดูแลสวนทุเรียน สวนมังคุดของนางอำพัน ยุติมิตร อายุ 50 ปี ช่วงเกิดเหตุตอนเย็นหลังจากทำงานสวนเสร็จแล้ว คนในครอบครัวทั้งหมดได้พากันเดินไปปีนต้นสะตอภายในสวนทุเรียน เพื่อเก็บเอามาทำอาหารเย็น ขณะเดินมาได้สักครู่เดียว เด็กชายธนดลที่เดินตามหลังตนมาก็พูดขึ้นตามประสาเด็กที่เริ่มหัดพูดว่า “ไปเอามือถือพ่อมาเล่น” ไม่ทันขาดคำตนได้เสียงต้นไม้หักโครม พอได้ยินเสียจึงหันไปเห็นต้นทุเรียนหมอนทองขนาดใหญ่ยาวกว่า 5 เมตร ยืนต้นตายอยู่แล้วได้ล้มทับลงบนร่างของหลานตนอย่างแรงต่อหน้าต่อตา

นางนุจรินทร์ กล่าวต่อว่า ตนได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแล้วช่วยกันนำร่างออกมาจากต้นทุเรียนที่ทับร่างเด็กชายธนดลออกมา จากนั้นนางอำพันเจ้าของสวนรีบขับรถกระบะ นำร่างของเด็กชายธนดลไปส่งที่โรงพยาบาลพะโต๊ะ ที่ห่างไปจากจุดเกิดเหตุกว่า 40 กิโลเมตร และเส้นทางทุรกันดารอย่างมาก ขณะนั้นเด็กชายธนดลแน่นิ่งไปก่อนแล้วเมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์บอกว่าเด็กชายธนดลได้สิ้นใจตายก่อนแล้ว

ย่าของเด็กชายธนดล กล่าวอีกว่า หลังจากทราบว่าหลานได้ตายแล้ว ตนจึงปรึกษาพ่อและแม่ของเด็กชายธนดล เพื่อจะนำศพหลานกลับบ้านเกิดที่ จ.นครพนม เพื่อบำเพ็ญกุศลศพ แต่เมื่อได้ทราบค่าใช้จ่ายในการขนศพกลับไป จ.นครพนม มีราคาสูงตนไม่มีเงินจ่าย เพราะทั้งครอบครัวรวมกันแล้วมีเงินแค่เพียง 70 บาทเท่านั้นเอง จึงได้ขอรับบริจาคโลงศพจากหน่วยกู้ภัย แล้วจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดฟาติมะใกล้พื้นที่เกิดเหตุต่อไป โดยมีเจ้าของสวนทุเรียนช่วยเหลือในค่าใช้จ่ายในงานศพ ทั้งนี้หลังจากพ้นสถานการณ์โควิดแล้วและมีเงินเหลือจึงจะค่อยนำกระดูกของหลานกลับไปทำบุญที่บ้านเกิดอีกครั้ง

นางนุจรินทร์ กล่าวด้วยว่า ครอบครัวตนมาจาก จ.นครพนม เดิมมีอาชีพทำนาในปีนี้ได้เกิดความแห้งแล้งมาก จนต้นกล้าในนาตายทั้งหมด จึงเดินทางมาหางานทำใน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เมื่อ 11 วันที่ผ่านมานี้เอง โดยรับจ้างดูแลสวนให้กับกับนางอำพันจุดที่เกิดเหตุ โดยให้อาศัยอยู่ในกระต๊อบภายในสวน จนมาเกิดเหตุการณ์ต้นทุเรียนที่ยืนต้นตาย ล้มทับร่างของเด็กชายธนดลหลานตนตายต่อหน้าต่อตา ครอบครัวตนมาทำงานได้ 11 วัน ไม่ทันได้รับค่าจ้างทำงานตอนนี้ทั้งครอบครัวเพียงมีเงิน 70 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้ใจบุญต้องการช่วยหลือบริจาคเงินให้กับครอบครัวของเด็กชายธนดล ในการบำเพ็ญกุศลศพและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สามารถบริจาคได้ที่ บัญชีธนาคารของ น.ส.ศิริลักษ์ โคตะบิน แม่ของเด็กชายธนดล ได้ที่ หมายเลขบัญชี 020118979481 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) สาขานาหว้า จ.นครพนม.