รองแม่ทัพ ร่วมกับรองผวจ.ปัตตานี สกัดและตรวจรถตู้ขนแรงงานไทย กว่า 600 คน จากด่านสะเดาเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ตามมาตรการคัดกรองเข้มข้น ป้องกันการนำเชื้อโควิด-19 มาแพร่ระบาดเนื่องจากเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง
เวลา 14.00 น. วันที่ 2 เม.ย. พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายสมนึก พรหมเขียว รอง ผวจ.ปัตตานี พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี นำกำลังตำรวจ ทหารและชุดเฉพาะกิจร่วมคัดกรองโควิด-19 จำนวน 30 นาย เดินทางมาที่จุดตรวจคัดกรองโควิด-19 บ้านเกาะหม้อแกง ม.7 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่จะเดินทางเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสกัดรถตู้โดยสารที่มีแรงงานซึ่งเป็นคนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 608 คน เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง ใน จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
ทั้งนี้ แรงงานไทยได้ทยอยเดินทางออกมาจากประเทศมาเลเซียผ่านด่านศุลกากร อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อช่วงสายวันนี้ โดยแรงงานไทยทั้งหมด ก่อนที่จะเดินทางออกจากด่านสะเดาได้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร พร้อมตรวจคัดกรองสภาพร่างกายมาก่อนแล้วเบื้องต้น จากนั้นได้เช่ารถตู้โดยสารหลายคันทยอยเดินทางเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตั้งจุดคัดกรองเข้มจ้น สกัดรถตู้ทุกคันที่จะเข้ามาพื้นที่ 3 จังหวัด โดยเฉพาะขบวนรถตู้แรงงานไทยที่มาจากมาเลเซียซึ่งถือเป็นจุดเสี่ยงที่ต้องตรวจคัดกรองอีกครั้งอย่างเข้มงวด
พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดำเนินการปิดจังหวัดอย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องตรวจสอบรถทุกคันที่จะเดินทางเข้าออกเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะออกไป หรือเข้ามาระบาดในพื้นที่
...
"เช่นเดียวกัน กลุ่มแรงงานไทยทั้ง 608 คนที่เดินทางออกจากประเทศมาเลเซียและกำลังทยอยเดินทางกลับบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เราต้องดำเนินการตรวจคัดกรองอีกครั้งอย่างละเอียดที่สุด เพราะแรงงานไทยทุกคนถือว่าเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง เราจึงต้องตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด โดยจุดตรวจคัดกรองเกาะหม้อแก จะดำเนินการตรวจในเรื่องของเอกสาร หนังสือเดินทาง หนังสือรับรองจากสถานกงสุล และใบรับรองแพทย์ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง เมื่อดำเนินการตรวจเอกสารแล้วจะนำแรงงานไทยทั้งหมดเดินทางไปที่โรงยิมสนามกีฬา อบจ.ปัตตานี เพื่อทำการคัดกรองอีกครั้ง และหากพบคนใดมีไข้จะส่งตัวไปกักตัวและรักษาตัวยังโรงพยาบาลปัตตานีทันที หากใครที่ไม่มีไข้ก็จะให้กลับบ้านได้"
สำหรับมาตรการดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายรวมไปถึงประชาชนต้องให้ความร่วมมือกันเพื่อยับยั้งไม่ให้เชื้อร้ายแพร่กระจายเพิ่ม ซึ่งเราต้องช่วยกันหยุด เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติอีกครั้ง