ตำรวจตามรวบคนร้าย "แก๊งลักตู้เซฟ" บ้าน "เฮียช้าง" กลางเมืองภูเก็ต ได้ทรัพย์สินนับ 10 ล้านบาท ได้คาเมืองกรุง หลังตามสืบมานานกว่า 6 เดือน พบประวัติโชกโชน ก่อเหตุหลายพื้นที่ ส่วนอีก 2 คนยังลอยนวล
จากกรณีเหตุคนร้ายบุกตัดกุญแจประตูบ้านของ นายอภิชาติ ทรานลี่ หรือ เฮียช้าง เข้าไปลักทรัพย์สินที่เก็บไว้ในตู้นิรภัยบนชั้น 2 ของบ้านพักในหมู่บ้านเอวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยยกตู้เซฟน้ำหนักประมาณ 100 กก.รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้ไปนับสิบล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 ธ.ค.) พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยถึงการติดตามจับกุมแก๊งยกเซฟน้ำหนักกว่า 100 กก. ภายในหมู่บ้านเอวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ตัดกุญแจประตูหน้าบ้านเข้าไปยกเซฟที่อยู่ชั้น 2 ของบ้านไป ภายในมีเงินสดและทรัพย์สินหลายล้านบาท ต่อมาชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้เข้าขยายผลสืบสวน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับ นายมานะ หรือ ซัน รัตโส พร้อมพวก เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบว่าคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุนั้น เป็นคนที่มีประวัติการก่อเหตุเกี่ยวกับการลักตู้เซฟมาอย่างโชกโชนในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก่อนเดินทางมาก่อเหตุที่ จ.ภูเก็ต และหลบหนีกลับไปอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่ยังคงออกก่อเหตุลักเซฟในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยได้ทรัพย์สินไปอีก 5-6 ล้านบาท
พ.ต.อ.ประวิทย์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้นำกำลังชุดสืบสวนเดินทางไปยังกรุงเทพฯ พร้อมกับประสานไปยัง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.เพื่อขอกำลังร่วมติดตามจับกุมคนร้าน ต่อมาวันที่ 3 ธ.ค. สามารถจับกุมตัว นายมานะ รัตโส ชาว ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตได้ที่เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ในฐานความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านทรัพย์เช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การหลบหนีและการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นจากการจับกุม และร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นด้วยประการใดๆ เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขในเวลากลางคืน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
...
"คดีดังกล่าวถึงแม้จะมีพยานหลักฐานไม่มาก ทำให้ใช้เวลาสืบสวนยาวนานถึง 6 เดือน แต่ทีมสืบสวนได้ทำงานกันเต็มความสามารถ จนทราบตัวผู้ก่อเหตุและขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับ ก่อนประสานตำรวจกองปราบปราม จนสามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามยังเหลือผู้ก่อเหตุอีก 2 ราย ที่ศาลอนุมัติออกหมายจับและคนชี้เป้ายังหลบหนี ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว" พ.ต.อ.ประวิทย์กล่าว