คดีคนร้ายสวมชุดสีเขียวคล้ายทหารสวมเสื้อเกราะ ชาย 3 คน และหญิง 2 คน ใช้รถตู้สีขาวป้ายเหลืองทะเบียนปัตตานีคล้ายรถโดยสารประจำทาง ถืออาวุธปืนสงครามครบมือบุกเข้าปล้น ร้านทองสุธาดา อ.นาทวี จ.สงขลา พื้นที่สีแดงในชายแดนภาคใต้วันที่ 24 ส.ค. กวาดทองคำน้ำหนัก 50 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 85 ล้านบาท คนร้ายถอดสายกล้องวงจรปิดออกไปเพื่ออำพรางตัวผู้ที่ลงมือก่อเหตุ
ทำเอาคนไทยต้องติดตามข่าวนี้ชนิดเกาะติด เป็นเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง หลังกลุ่มโจรใต้ก่อเหตุลอบวางระเบิดและวางเพลิงเผาหลายจุดในพื้นที่ กทม. ตำรวจตามจับมือระเบิดเชื่อมโยงเหตุก่อความไม่สงบภาคใต้ ต่อเนื่องคดีปล้นร้านทองพื้นที่ จ.สงขลา เป็นคำถามในหน่วยงานความมั่นคง คนร้ายที่วางแผนปล้นร้านทองเป็นกลุ่มโจรใต้ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ทองคำจำนวนมากที่ถูกปล้นจะถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการก่อความรุนแรงในพื้นที่ไหนอีกหรือไม่ เป็นงานที่หน่วยความมั่นคงต้องตามเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ลงตรวจพื้นที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด และคำให้การพยานมีผู้ร่วมก่อเหตุ 17-20 คน แบ่งหน้าที่กันทำทั้งคนปล้นรถ คนขับรถ นำรถมาส่งให้กับทีมปล้นทอง บางคนแต่งตัวเป็นผู้หญิง แฝงตัวเป็นลูกค้าเคาะประตูร้านทองให้เปิดประตูสวิตช์จากด้านในให้คนร้ายปล้นทองในร้าน

...
รูปแบบเหมือนคดีปล้น เต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อปี 2560 คนร้ายปล้นรถมาใช้ก่อเหตุ ลงมือเป็นทีม พยานบุคคลและกล้องวงจรปิดมี นายเจะอารง อายุ 39 ปี ชาว จ.สงขลา ร่วมวางแผน
ตำรวจให้น้ำหนักคดีปล้นทองเป็นฝีมือกลุ่มนายเจะอารง กลุ่มก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการ รับงานก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.นาทวี และเป็นระดับมือยิง มีหมายจับของ สภ.สะบ้าย้อย 1 หมายจับ 8 ข้อหา เช่น ร่วมกันก่อการร้ายฯ ร่วมกันมีระเบิดไว้ในครอบครอง ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดฯ
ก่อนเกิดเหตุปล้นร้านทอง ช่วงเช้าวันที่ 24 ส.ค. เจ้าของรถตู้โดยสารหาดใหญ่-ปัตตานี ถูกคนร้ายทำทีเหมารถตู้ โดยนัดกันที่มัสยิดสี่แยกดอนยาง ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และทำทีให้รับเพื่อนห่างจุดนัดหมาย 5 กิโลเมตร เจ้าของรถถูกคนร้ายจับมัดมือมัดเท้าและปล้นรถที่บ้านควนคูหา หมู่ 1 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ผู้ก่อเหตุใช้เส้นทางถนนสงขลา-ปัตตานี หลีกเลี่ยงด่านตรวจถาวร อ้อมมาใช้ถนนสายรองผ่านหมู่บ้านต่างๆที่ไม่มีด่านในตลาดเทศบาล ต.นาทวี ก่อนจะลงมือปฏิบัติการปล้นร้านทองสุธาดา

ระยะเวลาตั้งแต่รถตู้มารับทีมปล้นหลบหนีใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เส้นทางหลบหนีไปทางบ้านด่านประกอบ ก่อนจอดรถทิ้งไว้ในป่าสวนยางพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่ 4 กับหมู่ 11 บ้านพอบิดใต้ ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี จ.สงขลา อยู่ลึกเข้าไปจากถนนสายนาทวี-ประกอบ 300 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุในตัวเมืองนาทวี 15 กิโลเมตร
พล.ต.ท.รณศิลป์ ที่มีประสบการณ์สืบสวนคดีก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้มาหลายคดี สั่งให้สืบสวนรวบรวมหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ สอบพยานแวดล้อมและภาพกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุพบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 5 กระบอก ตำรวจได้หลักฐานปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่คนร้ายยิงข่มขู่ชาวบ้านขณะชิงรถ จยย.หลบหนีในพื้นที่บ้านพอบิดใต้ หมู่ 4 ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี รวมทั้งหลักฐานดีเอ็นเอที่ตรวจเก็บได้ในที่เกิดเหตุ เพื่อมัดตัวผู้ร่วมกระทำผิด
เจ้าหน้าที่ใกล้จะออกหมายจับคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะผลการตรวจ DNA ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่จะมัดตัวคนร้าย

...
ตำรวจเร่งตรวจสอบทองและอัญมณี อยู่ในประเทศหรือถูกเคลื่อนย้ายออกประเทศเพื่อนบ้าน ชุดสืบสวนจับตา 8 เป้าหมายมีหมายจับติดตัวทั้งหมด บางคนมีหมายจับคดีความมั่นคงและคดีอาชญากรรม
ขณะนี้เจ้าหน้าที่สอบผู้ต้องสงสัยและความเคลื่อนไหวกลุ่มแกนนำในพื้นที่ภาคใต้ พบพยานหลักฐานกระสุนปืนคนร้ายปล้นทอง เชื่อมโยงเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2561 และปี 2562 ยิงมาจากกระบอกเดียวกัน มีคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุวางระเบิด อส.อำเภอสะบ้าย้อย วันที่ 21 มิ.ย.2562
ชุดสืบสวนเชื่อว่า คนร้ายทั้ง 8 คน น่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือเข้าไปร่วมปล้นทอง พยานชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุชัดเจนแล้ว 2 คน คือ นายเจะอารง บาเฮง และ นายอัซมัน เปาะเล๊าะ รอเพียงผลการตรวจดีเอ็นเอเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ใช้มัดตัวผู้ต้องสงสัย
งานนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ประสาน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 วิเคราะห์กลุ่มคนร้ายและเป้าหมายก่อเหตุ ติดตามผู้บงการก่อเหตุ และวางมาตรการด้านการข่าวป้องกันเหตุรุนแรงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาอีก เกาะติดเส้นทางเงินจำนวนมากที่กลุ่มโจรใต้ได้ปล้นร้านทองจะถูกนำไปใช้เป็นทุนก่อเหตุรุนแรงหรือเป็นทุนนักการเมืองบางกลุ่มเพื่อใช้ในการเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์

...
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “คดีคืบหน้าไปมาก มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มคนร้ายที่เคยก่อเหตุมาก่อนในหลายพื้นที่ เหตุที่เกิดขึ้นยอมรับความบกพร่องด้านการข่าวที่ไม่ได้มีการแจ้งเตือนเหตุจากตำรวจสันติบาลซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรอง จากเหตุที่เกิดขึ้นได้กำชับ 2 ส่วน หน่วยปฏิบัติ และหน่วยสนับสนุนด้านการข่าวตำรวจสันติบาล จะต้องปรับปรุงงานด้านการข่าวมากกว่านี้ การข่าวของตำรวจสันติบาลทั้ง 2 คดี คดีปล้นร้านทอง จ.สงขลา และวางระเบิดในพื้นที่ กทม.ถือว่า งานการข่าวเป็นศูนย์ ไม่มีการแจ้งเตือนมาก่อนไม่ว่าตำรวจสันติบาลหรือจังหวัด ได้กำชับตำรวจสันติบาลให้ทันต่อสถานการณ์ ถ้ามีเหตุเกิดขึ้นอีกครั้งจะต้องขันนอตหน่วย เพราะตำรวจสันติบาลเป็นผู้รอบรู้ด้านการข่าวสนับสนุนหน่วยพื้นที่ จะต้องคุมเข้มเพื่อความสงบสุขและเชื่อมั่นของประชาชน”
คดีนี้ชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.รณศิลป์ ทำงานได้รวดเร็วแบบมืออาชีพ หาหลักฐานที่เกิดเหตุนำไปสู่การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ก่อเหตุได้บางส่วน แต่ในทางคดีการปล้นยังคงมีคำถามของคนในสังคมเกี่ยวกับประสิทธิภาพหน่วยข่าวกรอง ไม่นำบทเรียนเหตุที่ต่อเนื่องหาทางป้องกัน มารอแต่เหตุเกิดแล้วเพิ่งมีทีมสืบสวนทำคดี งบประมาณที่ถมลงไปจำนวนมหาศาลกับงานการข่าวด้านความมั่นคง เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
มีแต่ทำให้คนไทยเกิดความหวาดผวากับเหตุรุนแรงรายวัน.
ทีมข่าวอาชญากรรม