ตำรวจ-ทหาร นำมือวางแผนฆ่าโหดชิงรถเพื่อนำมาประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ห้างบิ๊กซี เป็นผลให้ห้างพังเสียหาย และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 60 คน มาทำแผน โดยมีคนร้ายทั้งหมด 6 ราย เสียชีวิตจากปะทะ จนท. 1 ราย และถูกจับ 3 ราย...
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ก.ค. พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี สั่งการให้ พ.ต.อ.อาธิป แสงวันลอย รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.ต.อ.ชัยยันต์ บัณฑิต ผกก.สอบสวน ภ.จ.ปัตตานี พร้อมด้วย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.43 กำลังร่วมตำรวจ ทหารพรานที่ 43 กว่า 20 นาย นำตัว นายอิสมาแอล มอซู อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลอบวางระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน
โดยนายอิสมาแอล ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.62 ซึ่งในระหว่างจับกุมได้รับสารภาพต่อหน้าภรรยาว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุลอบวางระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานี และในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายอิสมาแอล มอซู มาทำแผนคำรับสารภาพขั้นตอนการก่อเหตุ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดในการวางแผนและก่อเหตุ โดยแสดงขั้นตอนการโทรศัพท์ลวง นายนุสน ขจรดำ อาชีพรับจ้างติดตั้งผ้าเต็นท์ ให้มาติดตั้งผ้าเต็นท์ที่มัสยิดกำปงบารู ม.6 ต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยได้นัดหมายกันบริเวณปากทางเข้ามัสยิด และเมื่อนายนุสนมาถึง นายอิสมาแอลก็ได้แจ้งกับพวกที่ร่วมก่อเหตุรอในมัสยิดเพื่อเตรียมการไว้ นายอิสมาแอลจึงได้ขับขี่รถ จยย.นำนายนุสนที่ขับรถกระบะยี่ห้อมาสด้า ทะเบียนบจ 3303 ยะลา ตามหลัง และเมื่อมาถึงมัสยิด กลุ่มคนร้าย จำนวน 5 คนที่ดักรออยู่ก็ได้ออกมาจับตัวนายนุสนลากออกจากรถกระบะ ก่อนจะจับมัดมือไว้ด้านหลัง
...
จากนั้นนายอาดือนัน อาแว หนึ่งใน 5 ใช้เชือกรัดคอนายนุสนจนขาดใจตาย ก่อนจะนำศพขึ้นท้ายรถกระบะของนายนุสน นำศพไปทิ้งในป่าห่างจากจุดฆ่าประมาณ 1 กิโลเมตร และเมื่อนำศพไปทิ้ง คนร้ายทั้ง 6 คนก็ได้ขับรถไปประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ จากนั้นคนร้ายอีกชุดได้ขับรถคาร์บอมบ์ได้จอดทิ้งหน้าประตูเข้าห้างบิ๊กซีแล้ววิ่งหลบหนีไป ประมาณ 10 นาที คนร้ายก็ได้กดชนวนระเบิด ทันทีจนทำให้อาคารของห้างบิ๊กซีพังเสียหาย และยังทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน
สำหรับผู้ร่วมก่อเหตุร่วมกันฆ่า นายนุสน ตามที่นายอิสมาแอลให้การไว้ ประกอบด้วย นายสุดิง มามะ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 12 ก.ค.60 นายมะนาแซ ไซดี นายอาดูนัน อาแว และอีก 2 คนไม่ทราบชื่อ ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี และสามารถจับกุมได้ 2 คน คือนายสุไฮมี สะมะแอ และนายสะมะแอ มามะ ซึ่งทั้งสองคนถูกศาลชั้นต้นจังหวัดปัตตานีตัดสินประหารชีวิต แต่ให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต.