เมื่อเอ่ยถึง “เขื่อนรัชชประภา” หรือ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี เชื่อว่าน้อยคนจะไม่รู้จัก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ

เขื่อนแห่งนี้นอกจากให้ประโยชน์ในเรื่องของ “พลังงาน” แล้ว ยังเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในท้องถิ่นอีกด้วย
นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการอาวุโส การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เล่าว่า เขื่อนแห่งนี้สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน ก่อสร้างวันที่ 9 ก.พ.2525 แล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2530

ลักษณะเป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความจุ 5,640 ล้าน ลบ.ม. ขนาด พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.ม. มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ย 3,057 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี

เดิมพื้นที่ตั้งของเขื่อนอยู่ในเขตอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ ช่วงที่ก่อสร้างเส้นทางทุรกันดารมาก เจ้าหน้าที่ต้องนั่งรถจี๊ปเข้าไป

วันดีคืนดีจะมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์โผล่ออกมาเคาะประตูเรียกให้คนงานไปยืนเข้าแถวเรียงหนึ่ง พูดโน่นนี่นั่นเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะปล่อยให้กลับเข้าไปพักผ่อน ไม่มีการทำร้ายคนงานหรือเจ้าหน้าที่

หลังสร้างเขื่อนแล้วเสร็จ ทาง กฟผ.ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น กำหนดว่าเรือที่จะนำไปวิ่งรับนักท่องเที่ยวต้องเป็นเรือของคนในท้องถิ่น

เป็นเรือหางยาว ไม่มีสปีดโบ๊ต ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชน

เขื่อนแห่งนี้สวยงาม อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา มีน้ำใสเขียว ช่วงเช้า จะปกคลุมไปด้วยหมอกขาวโพลนและอากาศเย็นสบาย ได้รับการขนานนามว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย”

ด้วยมนต์เสน่ห์ของเขื่อนจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปท่องเที่ยวปีละราว 600,000 คน สร้างรายได้ให้กับชุมชนปีละไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท

...

ทำให้ในปัจจุบันพื้นที่โดยรอบเขื่อนจะมีรีสอร์ต ร้านอาหาร และที่พักผุดขึ้นมากมาย มีราคาแตกต่างกันไป และยังส่งผลให้ที่ดินใกล้เคียงราคาสูงลิบลิ่วราวกับทองคำ

สำหรับการเดินทางไปยังเขื่อนเชี่ยวหลานสะดวกสบายมีทั้งทางรถยนต์ รถไฟและเครื่องบิน ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงแล้ว
ภายในเขื่อนมีที่พัก สนามกอล์ฟและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน...

นักท่องเที่ยวที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเที่ยวไหนดี ลองไปที่เขื่อนเชี่ยวหลานสักครั้งแล้วจะรู้ว่าเมืองไทยยังมีของดีอีกเยอะ.....!!!!

ทีมข่าวภูมิภาค