กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงเหตุ จนท. 3 ฝ่ายสนธิกำลังบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่หมู่ 4 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา ทำให้ จนท.เจ็บ 2 นาย และคนร้ายตามหมายจับเสียชีวิต ย้ำทำตามกฎหมาย ไม่ได้เกินกว่าเหตุ...


จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายสนธิกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่หมู่ 4 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อ 27 พ.ค.2562 ห้วงเวลา 12.30-17.30 น.เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และคนร้าย ซึ่งเป็นแกนนำ รายสำคัญมีหมายจับ ป.วิอาญา 6 หมาย ถูกวิสามัญเสียชีวิต โดยในขณะเจรจาได้เกิดเพลิงไหม้บ้านหลังเกิดเหตุเสียหายทั้งหลัง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งภายหลังเกิดเหตุได้มีความพยายามเสนอข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทำ เกินกว่าเหตุ และจุดไฟเผาทำลายหลักฐาน รวมทั้งได้ขโมยเงินสดและทองคำของเจ้าของบ้านไปจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา นายซูการ์โน มะทา ส.ส.พรรคประชาชาติ จ.ยะลา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก และให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "ล่าความจริง" ทาง สถานีโทรทัศน์ เนชั่น TV 22 ชี้นำให้สังคมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ และเป็นต้นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้บ้านหลังดังกล่าว จากกรณีดังกล่าวได้สร้างกระแสความรู้สึกเชิงลบต่อเจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขวาง 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2562 ที่กรมทหารพรานที่ 47 อ.ยะหา จ.ยะลา พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้พร้อมด้วยผู้นำศาสนาในพื้นที่ออกมาแถลงเปิดเผยชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การเข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามภาพข่าว ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายวางแผนเตรียมก่อเหตุขนาด ใหญ่ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฏอน โดยเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย รวม 60 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและได้ประสานผู้นำชุมชนได้รับทราบเพื่อร่วมเจรจากับกลุ่มคนร้าย ทั้งนี้ ได้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก

...

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวต่อว่า โดยตามขั้นตอนได้เชิญเจ้าของบ้านออกมา ซึ่งไม่ได้รับความร่วมมือ ซ้ำยังไม่ยอมบอกความจริง และเจตนาปกปิดข้อมูลโดยอ้างว่า ไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจึงได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านและได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนระดมยิงใส่ จนต้องหลบเข้าที่กำบัง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย จึงให้ผู้นำศาสนามาช่วยเจรจาอีกรอบ กว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล ในระหว่างนั้นได้เห็นกลุ่มควันบริเวณด้านหลังทางซ้ายของบ้านก่อนลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จึงได้เรียกรถดับเพลิงเข้ามาควบคุมเพลิงไว้ได้

พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าได้เข้าตรวจสอบอีกครั้ง และได้ถูกคนร้ายยิงใส่ได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย และจากการตรวจสอบพบคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก ทราบชื่อ คือ นายอับดุลเลาะ ลาเต๊ะ พบประวัติเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 6 หมาย นอกจากนี้ยังพบวัตถุพยานสำคัญในบ้านอีกหลายรายการ เช่น ซากรถจักรยานยนต์ 3 คัน, แกลลอนน้ำมัน 4 ถัง, ปุ๋ยยูเรีย 1 กระสอบ, ถังแก๊สสีส้ม 2 ถัง และท่อเหล็ก อีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าน่าจะเตรียมนำมาใช้ประกอบระเบิดเพื่อก่อเหตุช่วง 10 วันสุดท้ายเดือนรอมฎอน นอกจากนี้ ยังได้ตรวจพบร่องรอยการเผากองเสื้อผ้าบริเวณที่เห็นกลุ่มควันครั้งแรก น่าจะเป็นต้นเพลิงที่คนร้ายอาจเผาทำลายหลักฐาน และเปิดทางหนี ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบสารพันธุกรรม เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มคนร้ายต่อไป 

ทั้งนี้ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ได้ทำด้วยความโปร่งใสภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำ 4 เสาหลัก โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่ถูกคนร้ายใช้อาวุธยิงใส่จนบาดเจ็บไป 2 นาย จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง ใช้กำลังดำเนินการเพียง 60 นาย มิใช่กว่า 500 นายตามที่กล่าวอ้าง และไม่ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ทั้งนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญอย่างมากในการบังคับใช้กฎหมายคือ วัตถุพยาน เพื่อเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายร่วมก่อเหตุ ดังนั้น ที่มีการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่เผาเพื่อทำลายหลักฐานจึงฟังไม่ขึ้น และไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวด้วยว่า สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวของ นายซูการ์โน มะทา ส.ส.พรรคประชาชาติ จ.ยะลา ควรดำเนินการด้วยความ ระมัดระวังและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพราะมิเช่นนั้นอาจตกเป็นแนวร่วมมุมกลับของกลุ่มขบวนการที่หวังทำให้เจ้าหน้าที่รัฐได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ หน่วยได้ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมแก่เด็กๆ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเบื้องต้นไปก่อนแล้ว สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาบ้านที่ได้รับความเสียหาย ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องตรวจสอบข้อมูลความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่าง เจ้าของบ้านกับผู้ก่อเหตุรุนแรงว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนกันหรือไม่ พร้อมกับขอให้กลุ่มองค์กรต่างๆ เคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง ภายใต้ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังดังที่ปรากฏในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.