"บิ๊กตี๋" ลงใต้ติดตามการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเถื่อนตามแนวชายแดน ที่ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ หลังพบมีการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเข้าประเทศ แบบกองทัพมด และนำเข้าจากนายทุนรายใหญ่ด้วยรถคอนเทนเนอร์ พร้อมเน้นให้ จนท.ปราบปรามอย่างจริงจัง...
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 22 พ.ค.62 พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ผช.ผบ.ทบ. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพล วรพันธ์ ผบ.มทบ.42 อ.หาดใหญ่ พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ฉก.ร 5 กองกำลังเทพสตรี และคณะเดินทางมาตรวจสอบติดตามการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเถื่อนตามแนวชายแดนที่ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามนโยบายการพยุงราคาน้ำมัปนปาล์มของรัฐบาล ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศ แต่เกิดปรากฏการณ์ราคาน้ำมันปาล์มต่างประเทศมีราคาลดลง ส่งผลให้มีการลักบอลขนน้ำมันปาล์มเข้าประเทศในรูปแบบต่างๆ เช่น การขนแบบกองทัพมด และการลักลอบนำเข้าของกลุ่มทุนรายใหญ่ขนมากับรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์โดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีบริษัทแจ้งสำแดงนำเข้ามี 2 บริษัทปลายทางคือ ประเทศเวียดนาม และกัมพูชา

...
ขณะที่ พล.อ.วิจักขฐ์ ข้องใจว่ากรณีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์กรณีที่เป็นรถเปล่ามีมาตรการควบคุมอย่างไรไม่ให้ขนน้ำมันปาล์มเข้ามา ซึ่งทางด่านศุลการได้ชี้แจงว่า ได้มีการตรวจสอบเอกสารว่าตรงกับสินค้าที่ขนมั้ย ส่วนรถเปล่าทางรถจะต้องเปิดประตูค้างไว้ทุกครั้งที่เข้าด่านสะเดา

ผช.ผบ.ทบ.กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามน้ำมันปาล์มเถื่อนเข้ามาในราชอาณาจักร ในขณะที่น้ำมันปาล์มในต่างประเทศมีราคาถูก ส่งผลให้มีขบวนการลักลอบขนน้ำมันปาล์มเถื่อนเข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรือ เบื้องต้นจากการตรวจที่ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ เราไม่พบการลักลอบขนน้ำมันปาล์ม แสดงว่ามาตรการเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาลมีประสิทธิภาพดี

มาตรการยกระดับราคาน้ำมันปาล์มของรัฐบาลที่ผ่านมาได้ผลมาก ในการสนันสนุนนำน้ำมันปาล์มไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงปีละหลายแสนตัน และนำมาผสมกับนำมันอี 20 เป็นนำมันเชื้อเพลิงที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ในราคาที่เหมาะสมเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนกลับมาใช้นำมันปาล์มมากขึ้น ส่วนนโยบายของกองทัพเราใช้นโยบายทางการข่าวกับผู้ลักลอบขนรายใหญ่เป็นหลัก ส่วนรายเล็กเรามีมาตรการปราบปรามตามแนวชายแดนอยู่แล้ว.
