ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลกระทบต่อฟาร์มมุกดังที่ภูเก็ต ผู้เลี้ยงโอดครวญน้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น หอยมุกตายเป็นจำนวนมาก 2 เดือนที่ผ่านมาเสียหายกว่า 7 ล้านบาท... 

เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 นายนิกร อินทรเจริญ ผู้จัดการฟาร์มเพาะเลี้ยงไข่มุก บริษัท ภูเก็ต เพิร์ล กรุ๊ป จำกัดกล่าวถึงปัญหาอุณหภูมิของน้ำทะเลว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปัจจุบัน ส่งผลให้หอยมุกที่มีการเพาะเลี้ยงไว้ตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเช่นนี้ทุกปี และมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับคุณภาพของน้ำที่เปลี่ยนไป เมื่ออากาศร้อนขึ้น ทำให้มีพยาธิมากขึ้น มูลค่าความเสียหายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พบว่าปีนี้หนักสุด ปัจจุบันมีพื้นที่เลี้ยงประมาณ 5 ไร่ มีหอยมุกที่ทำการเพาะเลี้ยงอยู่ประมาณ 100,000 ตัว 

“ในส่วนของหอยที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก คือ หอยมุกกวาง ซึ่งจะนำมาใส่เม็ดนิวเคลียส เพื่อให้เกิดเป็นมุกซีกครึ่งวงกลม ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการทำหัวแหวนหรือจี้ โดยในส่วนของเปลือกหอยที่ตายแล้วจะนำไปเจียระไนหรือนำไปเป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์หรือของประดับต่างๆ แม้มูลค่าอาจจะไม่เท่ากับมุกที่เลี้ยงได้ แต่สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ในระดับหนึ่ง” ผู้จัดการฟาร์มเพาะเลี้ยงไข่มุก บริษัท ภูเก็ต เพิร์ล กรุ๊ป กล่าว

นายนิกร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจน เนื่องจากการเลี้ยงหอยมุกต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก แต่ได้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องความลึกของระดับน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยง เพื่อลดอัตราการตายดังกล่าว รวมทั้งได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ทำการศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงหอยที่จะนำมาฝังนิวเคลียสเอง แทนการใช้หอยที่จับมาจากธรรมชาติ เนื่องจากปัจจุบันปริมาณหอยธรรมชาติมีปริมาณลดน้อยลง และชาวประมงที่จับหอยมาขายมีจำนวนน้อยลงด้วย ซึ่งผลการศึกษาวิจัยเบื้องต้นออกมาเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากสามารถร่นระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตมุกจากเดิมต้องใช้เวลา 18 เดือน เหลือเพียง 7-9 เดือน สามารถจะเก็บผลผลิตได้แล้ว 

...

ขณะที่ นางสาวกรรนิการ์ กาญจนชาตรี อาจารย์คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงหน้าร้อนจะพบว่ามีหอยมุกตายเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ติดแกนมุกหรือนิวเคลียสและปล่อยลงน้ำไปได้ประมาณ 5 วัน จะมีหอยตายประมาณ 50% และตายมากถึง 70% จากการศึกษาพบสาเหตุมาจากอากาศร้อนเป็นหลัก โดยได้ให้ข้อมูลกับบริษัทผู้เพาะเลี้ยงในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม หากเอาหอยลงเพาะโอกาสจะตายสูงและรอดน้อยมาก ฉะนั้นจึงควรเปลี่ยนช่วงเวลาในการเก็บผลผลิต ซึ่งช่วงที่เหมาะสมในการติดแกนมุก คือ ช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม โดยเป็นช่วงหน้าฝนและจะไปครบรอบการเก็บผลผลิต ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 7 เดือน-1 ปี ได้ในราวเดือนมีนาคม ซึ่งจะลดอัตราการตายของหอย และยังช่วยอุตสาหกรรมไข่มุกได้อีกทางหนึ่ง

อาจารย์คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ม.อ. วิทยาเขตภูเก็ต กล่าวด้วยว่า ในส่วนของหอยที่นำมาใช้ในการฝังนิวเคลียสนั้น เราสามารถที่จะเพาะเลี้ยงได้เอง แต่สิ่งที่ยากที่สุดของหอยมุก คือ การเลี้ยงแพลงก์ตอน เพื่อเป็นอาหารของหอย โดยการเกาะติดวัสดุต่างๆ ในหอยนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นจะปล่อยลงทะเล ก่อนจะถูกพัดพากระจายไปทั่วบริเวณ และจะมีชาวบ้านส่วนหนึ่งในชุมชนที่ทำอาชีพประมงเก็บหอยเหล่านั้นมาขาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ของชุมชนทางอ้อม และเป็นการทดแทนหอยที่มีอยู่ในธรรมชาติด้วย.