การประท้วงของเครือข่ายปกป้องดิน น้ำ ป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุง ส่งผลให้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริในภาคใต้ 4 โครงการ ถูกรัฐบาลสั่งชะลอการดำเนินโครงการออกไป จนกว่าจะได้ข้อสรุปการพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้านจากคณะกรรมการร่วมกัน 3 ฝ่าย

“รัฐบาลพยายามหาทางออกที่เหมาะสม ที่ผ่านมามีการชี้แจง สร้างการรับรู้ รับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน มีคนเห็นด้วยมากกว่าคนไม่เห็นด้วย แต่คนที่ไม่เห็นด้วยจะแรง และยังมีการอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน หากคัดค้านกันอยู่อย่างนี้ไม่ได้ข้อยุติเสียที ทำให้ประโยชน์ที่จะได้รับกลับมาโดยรวมจะช้า เพราะเขื่อนเป็นโจทย์สำคัญในการรวมน้ำ เก็บน้ำ กระจายน้ำ ถ้าไม่มีเขื่อนจะควบคุมบริหารจัดการน้ำไม่ได้”

ถ้อยแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงว่า ทั้ง 4 โครงการจะเดินหน้าต่อภายใต้คณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย เพราะทั้ง 4 โครงการ ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างแล้ว 2 โครงการ...โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช และโครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ ได้ผ่านการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมีการสร้างการรับรู้แก่ชาวบ้านไปหลายครั้ง

ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 90% เห็นด้วย...คณะรัฐมนตรีถึงได้เห็นชอบให้ก่อสร้าง

ส่วนอีก 2 โครงการ...โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ อยู่ระหว่างการเตรียมเรื่องเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อนำเสนอ ครม. ส่วนโครงการคลองประ อยู่ในขั้นตอนการสำรวจออกแบบ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากจะให้รัฐบาลตระหนัก...มติคณะรัฐมนตรีออกมาแล้วต้องศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ใครอยากจะล้มก็ล้ม แต่อาจจะแก้ไขในจุดบกพร่องได้ ตรงไหนไม่เหมาะ แก้ไขให้เหมาะสม แบบคันตรงไหนเกาตรงนั้น

และหวังว่า เมื่อคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายมีมติเช่นไร ทุกฝ่ายต้องเคารพ...ไม่ใช่ตั้งใจยึดอาชีพประท้วง โดยไม่ยอมฟังเหตุผลของฝ่ายอื่น.

...

สะ–เล–เต