โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 เตือนกลุ่มผู้ไม่หวังดีปล่อยคลิป เสียง แพร่ในโซเชียล หวังสร้างความหวาดกลัว ความรุนแรงเพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่เกิดความวุ่นวาย ย้ำมีโทษ 7 ปี พร้อมยืนยันพระทั้ง 388 วัดในพื้นที่ จชต. ยังออกบิณฑบาตตามปกติ โดยเตรียมปรับเปลี่ยนมาตรการ รปภ.ดูแลทุกวัดจะต้องมี จนท. 1 ชุดปฏิบัติการ...
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ม.ค.62 ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากกรณีที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้มีการปล่อยข่าวลือและข่าวลวง เป็นคลิปเสียงและข้อความ เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทำให้สังคมเชื่อว่ากลุ่มคนร้าย เตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ โดยภายหลังได้มีการแชร์คลิปเสียงและข้อความดังกล่าวอย่างแพร่หลาย สร้างความตื่นตระหนกหวาดกลัว ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 จึง ได้สั่งการให้หน่วย ทำการตรวจสอบข่าวดังกล่าว ในเบื้องต้น พบว่าเป็นข่าวลวง ที่มีเจตนาให้เกิดความวุ่นวาย และตื่นตระหนก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสืบค้น ขยายผลไปยังตัวบุคคล ผู้ผลิต และปล่อยข่าวมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย
"ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามสร้างสถานการณ์ ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ฉกฉวยโอกาส ซ้ำเติมสถานการณ์ด้วยการปลุกระดม และปล่อยข่าวลือ เพื่อให้เกิดความตื่นตระหนก หวาดกลัว เกิดความปั่นป่วนและความวุ่นวายในพื้นที่ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ผิดกฎหมายอาญา ตามมาตรา 116 ข้อหา "ยุยงปลุกปั่น เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง" มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี สำหรับผู้ที่แชร์ข้อมูลต่อ หากพบว่า มีเจตนากระทำด้วยความจงใจ ก็จะเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ การแจ้งเตือนข่าวความเคลื่อนไหว ของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงจะต้องเป็นข่าวที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานความมั่นคง ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เท่านั้น ดังนั้นหากพบข่าวลักษณะดังกล่าว ขออย่าได้ตื่นตระหนก และให้มีการสอบถามเจ้าหน้าที่ให้ได้ข้อสรุปก่อนแชร์ หรือส่งต่อ" พ.อ.ปราโมทย์กล่าว
...
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุคนร้ายยิงพระสงฆ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส มาตรการในการดูแลเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการการรักษาความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน เพราะที่ผ่านมาในการดูแลความปลอดภัย บางครั้งจะต้องสอบถามว่าต้องการหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อเหตุการณ์เบาบางลง ทางกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ก็จะเกรงใจเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ท่านแม่ทัพภาค 4 ได้สั่งการให้ไปสำรวจชุมชนล่อแหลม เป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ วัด ทุกวัด ทุกสำนักสงฆ์ ทั้ง 388 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องมีการวางแผนในการรักษาความปลอดภัย ทุกวัดจะต้องมีเจ้าหน้าที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร กำลังภาคประชาชน จะต้องมาดูแล อย่างน้อย 1 ชุดปฏิบัติการ เพื่อดูแลความปลอดภัย ส่วนข่าวลือเรื่องงดบิณฑบาต ก็ไม่เป็นเรื่องจริง ท่านแม่ทัพภาค 4 ไม่เคยสั่ง ท่านสั่งเพียงแค่ให้ไปวางระบบรักษาความปลอดภัย ในขณะที่บิณฑบาต ซึ่งจะห้ามไม่ได้ เพราะเป็นกิจของสงฆ์ และเป็นความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทำเพียงแค่การวางระบบในการดูแลรักษาความปลอดภัย ยกเว้นบางพื้นที่ ถ้าเป็นข้อตกลงของคณะกรรมการวัด หรือเป็นข้อสั่งการจากสำนักพุทธ ก็คงจะไปห้ามไม่ได้ และก็จะมีการจัดภัตตาหารไปถวายให้ที่วัด แต่ขณะนี้ทั้ง 388 วัด พระยังคงออกบิณฑบาตเหมือนเดิมตามปกติ.