ทำดี “ป้าพร” วัย 71 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง เก็บกระเป๋านักท่องเที่ยววางลืมไว้ ภายในมีทรัพย์สินนับล้านบาทมอบให้ตำรวจเมืองชุมพร ขณะที่เจ้าของวิ่งโร่หน้าตาตื่นขึ้นโรงพัก...

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 8 ม.ค.62 ขณะที่ผู้สื่อข่าวตระเวนอยู่ที่โรงพักได้มี นางศิริพร หมอกพิชัย หรือป้าพร อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ถนนรถไฟ ตำบลท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร ได้นำกระเป๋าสะพายสีดำเข้ามาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อ ด.ต.นฤทธิ์ ไลกระโทก เสมือนเวรประจำวัน สภ.เมืองชุมพร พร้อมกับตรวจสอบทรัพย์สินภายในมีเงินสกุลต่างชาติจำนวน 500 ยูโร และเหรียญอีกจำนวนหนึ่งรวมเป็นเงินไทยกว่า 2 หมื่นบาท สมุดธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศไทยมีเงินฝากอยู่มากกว่า 1 ล้านบาท บัตรเครดิตประเภทต่างอีกหลายใบ และพาสปอร์ตระบุชื่อ MR ALESSIO TREVISAN อายุ 67 ปี สัญชาติอิตาลี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ตำรวจกำลังตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อลงบันทึกแจ้งความประจำวันและพูดคุยซักถามนางศิริพรอยู่นั้น ได้มี MR ALESSIO TREVISAN อายุ 67 ปี ได้เดินทางมาด้วยสีหน้าตื่นเพื่อจะแจ้งความกับตำรวจเรื่องทรัพย์สินกับพาสปอร์ตดังกล่าวที่หายไป และเมื่อเห็นนางศิริพรนำกระเป๋าและทรัพย์สินของตนเองมาแจ้งความกับตำรวจจึงได้แสดงตนว่ากระเป๋าและทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของตนเอง พร้อมกับโผเข้ากอดนางศิริพรด้วยความตื่นเต้นดีใจและกล่าวชื่นชมยกย่องในความเป็นพลเมืองดีของคนไทยที่มีต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หลังจาก MR ALESSIO TREVISAN ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของตนทั้งหมดซึ่งยังมีอยู่ครบไม่มีทรัพย์สินใดสูญหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบคืนให้พร้อมกับถ่ายภาพร่วมกันไว้เป็นหลักฐาน โดย MR ALESSIO TREVISAN ได้มอบเงินจำนวน 1 พันบาท ให้กับนางศิริพรเพื่อเป็นสินน้ำใจที่นำกระเป๋าและทรัพย์สินของตนมาแจ้งความมอบให้ตำรวจเก็บไว้เพื่อประกาศตามหาเจ้าของก่อนจะเดินทางกลับไปด้วยความดีใจ

...

นางศิริพร หรือป้าพร กล่าวว่า ตนเปิดร้านอาหารตามสั่งชื่อ “ร้านป้าพร” อยู่ที่ริมถนนเยื้องหน้าสถานีรถไฟชุมพร โดยช่วงเย็นที่ผ่านมาได้มีฝรั่งนักท่องเที่ยวพร้อมกับเพื่อน 3 คน มาสั่งอาหารกินที่ร้านตน และหลังจากกินเสร็จได้จ่ายเงินค่าอาหารแล้วก็เดินออกไป ครู่ต่อมาตนสังเกตเห็นกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่บนเก้านั่งในซุ้มร้านอาหาร

"ตอนแรกไม่กล้าหยิบมาเปิดดูกลัวเป็นระเบิด จึงเรียกลูกสาวออกมาแล้วเปิดดูพบมีเงินต่างชาติ สมุดเงินฝากธนาคารอีกนับล้านบาท พาสปอร์ต และทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายอย่าง ตนได้ลูกสาวออกไปตามหาฝรั่งคนดังกล่าวที่สถานีรถไฟแต่ก็ไม่เจอ จึงได้เอากระเป๋าเข้าไปเก็บไว้ในร้านเพื่อรอให้เจ้าของย้อนกลับมารับไป แต่จนผ่านไปนานกว่า 3 ชั่วโมงจนมืดค่ำและตนก็จะปิดร้านด้วยเจ้าของก็ยังไม่มา ซึ่งตนเองก็คิดถึงภาพพจน์ของประเทศไทยด้วยเพราะเป็นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เลยตัดสินใจนำมาแจ้งความที่โรงพักดังกล่าว"