"กองปราบ" จับพ่อเลี้ยงและแม่แท้ๆ ด.ญ.14 ปี ข้อหาร่วมกันข่มขืน แต่กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างเด็กแต่งเรื่องเพราะไม่ชอบหน้าพ่อเลี้ยง ขณะนี้สำนึกผิดแล้วแต่ถอนแจ้งความไม่ได้เพราะเป็นคดีอาญา...

วันที่ 24 ธ.ค. 61 พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว สว.กก.6 บก.ป พร้อมกำลังตำรวจกองปราบเข้าจับกุม นายเช (นามสมมติ) อายุ 54 ปี และ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 45 ปี สองผัวเมียตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ในข้อหาร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาหรือสามีของตนโดยเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

ทั้งนี้ จับกุมได้ที่บ้านพักและควบคุมตัวมาสอบสวนที่ศูนย์ประสานงานกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม จ.สงขลา หลังจากที่ถูกแจ้งความว่า นายเช ได้ข่มขืนเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง และลูกสาวแท้ๆ ของ น.ส.บี ภรรยาและผู้เป็นแม่ ช่วยจับตัวเด็กหญิงขึงพืดให้พ่อเลี้ยงข่มขืนต่อหน้าต่อตา

พ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว สารวัตรกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม เผยว่า ได้มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 60 แม่ได้ตามลูกสาวอายุ 14 ปี ให้ไปที่ขนำของพ่อเลี้ยงซึ่งอยู่ในสวนยาง โดยทั้งแม่และพ่อเลี้ยงนอนอยู่บนขนำ และถูกพ่อเลี้ยงลวนลามจะถอดเสื้อ แต่เด็กไม่ยอมแม่จึงได้ช่วยจับมือลูกสาวทั้งสองข้างในลักษณะขึงพืดให้พ่อเลี้ยงข่มขืนต่อหน้าต่อตา และได้พยายามกระทำถึง 2 ครั้ง แต่ครั้งที่สองเด็กได้วิ่งหลบหนีมาหาพี่สาวให้ช่วยเหลือ กลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาญาติจึงได้พาเด็กเข้าแจ้งความ

แต่จากการสอบสวน น.ส.บี และ นายเช ยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาของลูกสาว ที่ไม่ชอบหน้าพ่อเลี้ยงคนนี้ โดยต้องการให้ตนแต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนใหม่

...

ขณะที่ น.ส.บี แม่แท้ๆของเด็กหญิง 14 ปี เผยว่า "ในวันเกิดเหตุได้ตามให้ลูกสาวไปที่ขนำของพ่อเลี้ยงจริง ซึ่งอยู่ติดกับบ้านและตนกับสามีก็นอนอยู่ด้วยกันบนขนำ โดยให้ลูกสาวช่วยเหยียบเพื่อคลายความเมื่อยล้า แต่ลูกสาวไม่ยอมจึงต่อว่า ว่าขี้เกียจ ทำให้ลูกสาวน้อยใจนั่งร้องไห้อยู่บนขนำนานเกือบ 2 ชั่วโมง ไม่ได้จับตัวลูกสาวให้พ่อเลี้ยงข่มขืนตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด" 

นายเช พ่อเลี้ยง เผยว่า หลังเกิดเหตุได้ถูกญาติพี่น้องของภรรยานับ 10 คน เข้ามารุมซ้อมที่ขนำด้วยความโกรธแค้นจนกระอักเลือด เพราะเข้าใจผิดว่าข่มขืนลูกเลี้ยง ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวัน จากนั้นจึงได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บางกล่ำ กับภรรยา แต่ไม่ใช่เพราะหลบหนีแต่เพราะกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้ เนื่องจากญาติพี่น้องฝ่ายภรรยาเข้าใจผิด

"ขณะนี้เรื่องทุกอย่างเข้าใจกันดีหมดแล้ว ลูกเลี้ยงก็มาหาที่บ้านและลูกเลี้ยงก็สำนึกผิด ได้ขอโทษที่แต่งเรื่องขึ้นมา เพราะไม่ชอบหน้าตนเป็นทุนเดิม และต้องการที่จะไปถอนแจ้งความที่ สภ.สะเดา แต่ทำไม่ได้เนื่องจากมีญาติเป็นผู้แจ้งความ โดยเรื่องนี้เป็นคดีอาญาถอนแจ้งความไม่ได้ กำลังอยู่ระหว่างการหาทางออก ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้คดีจบลงและถือเป็นคราวซวยของตนทั้งสองคน ส่วนญาติพี่น้องที่รุมซ้อมตนนั้นก็จะไม่เอาเรื่องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ใครทำอะไรไว้ก็รับกรรมที่ทำกันเอาเอง" พ่อเลี้ยง กล่าว