'อาร์ต พศุตม์' นักแสดงชื่อดัง นำหลักฐานแจ้งความตำรวจ ถูกหุ้นส่วนบริษัทอาหารเสริม ฉ้อโกง 14 ล้าน ด้านคู่กรณีโต้ทันควัน ยันทั้งหมดเป็นปัญหาภายใน และว่าน่าจะคุยกันก่อน...
วันที่ 1 พ.ย.61 นายพศุตม์ บานแย้ม หรืออาร์ต อายุ 35 ปี นักแสดงชื่อดัง ในฐานะกรรมการหุ้นส่วนของบริษัท ดีซูส (ประเทศไทย) จำกัด เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีกับนายณภัทช์ จุมพลกุม อายุ 28 ปี และนายณัฐพงศ์ มณีทรัพย์สุคนธ์ อายุ 28 ปี โดยทั้งสองคนมีตำแหน่งเป็นกรรมการหุ้นส่วน บริษัท ดีซูส (ประเทศไทย) จำกัด ในข้อหาความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัท มาตรา 41 วรรค 2
โดยมี นางสาวพัชราพร ทองสุข ตัวแทนจำหน่ายสินค้าอาหารเสริมสุขภาพดังกล่าว กับเพื่อน กว่า 10 คน ร่วมเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครด้วย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 2 ในข้อหาฉ้อโกงด้วยเช่นกัน
อาร์ต พศุตม์ เผยว่า ตนรู้จักกับบุคคลทั้งสองเมื่อครั้งว่าจ้างตนเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ต่อมาบุคคลทั้งสองได้ชวนตนก่อตั้ง บริษัท ดีซูส (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานใหญ่อยู่ที่ อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อร่วมหุ้นกันจำหน่ายสินค้าดังกล่าว เนื่องจากตนเห็นว่าสินค้ามีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด โดยก่อตั้งบริษัทได้ประมาณ 1 ปี มีกรรมการหุ้นส่วน 3 คน และการทำนิติกรรมใดบุคคลที่เป็นกรรมการทั้ง 3 คนจะต้องลงนามร่วมกัน
อาร์ต พศุตม์ กล่าวต่อว่า ต่อมาได้มีตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากทั่วประเทศกว่า 200 คน จ่ายเงินสั่งสินค้าแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้า บางรายได้รับสินค้าแล้วเกิดปัญหาคืนสินค้าแต่ไม่ได้รับเงินคืน นอกจากนั้นบุคคลทั้งสองยังไปทำนิติกรรมสั่งสินค้า และเก็บเงินจากตัวแทน โดยตนไม่มีส่วนรู้เห็นและลงนามร่วมในสัญญาด้วยแต่อย่างใด และยังโอนเงินจากการขายสินค้าเข้าบัญชีส่วนตัว จนขณะนี้ตัวแทนกว่า 200 คนได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท โดยที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากจะทยอยเข้าแจ้งความกับตำรวจ
...
ด้าน นายณภัทช์ ชุมพลกุล กรรมการหุ้นส่วน บริษัท ดีซูส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับแจ้งจากดาราหุ้นส่วนคนดังกล่าวให้นำบัญชีมาเคลียร์กับที่โรงพัก แต่เมื่อตนมากลับไม่มีการพูดคุยด้วยแต่อย่างใด ซึ่งตนขอยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นปัญหาภายในบริษัท จึงควรพูดคุยและรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่มาโยนความผิดให้กับตนและคนอื่น ตนกับเพื่อนเป็นผู้ลงทุนเงิน ส่วนดาราดังลงทุนแต่ชื่อเสียง กำไรแบ่งกันคนละ 50 ทั้ง 3 คน ซึ่งตนสามารถชี้แจงได้หมด หากมีการพูดคุยกัน แต่หากมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ก็ต้องไปเจอกันในศาล และตนก็จะแจ้งความกลับด้วยเช่นกัน.