ส.ป.ก.พร้อมให้ข้อมูลที่ดินติดริมทะเล บริเวณหาดนุ้ย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ให้ตำรวจสอบสวนสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าผู้ถือครองที่ดิน มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับนักธุรกิจชาวจีน ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตหรือไม่

วานนี้ (18 ก.ค.) นายสุรจิตต์ อินทรชิต เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์รายวันและสื่อออนไลน์ ระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2561 กรณีการตรวจค้นจับกุมเพื่อกวาดล้างนอมินีต่างชาติทำทัวร์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น สืบเนื่องจากเหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่มที่กลางทะเลอันดามัน เขตจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวจีนสูญหาย และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และกวาดล้างนักธุรกิจชาวจีน ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยมีชาวไทยเป็นนอมินีในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงได้มีการสนธิกำลัง กับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต (ส.ป.ก.ภูเก็ต) ร่วมกันตรวจสอบการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ที่ดินติดริมทะเล บริเวณหาดนุ้ย) หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นั้น ทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า

1. ตำแหน่งที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน โครงการป่าเทือกเขานาคเกิด ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเชิงทะเล ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง ตำบลกมลา ตำบลกะทู้ ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้
และตำบลเกาะแก้ว ตำบลรัษฎา ตำบลวิชิต ตำบลกะรน ตำบลฉลอง ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2557

...

2. ที่ดินแปลงเกิดเหตุ เดิมมีหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 239 ตั้งอยู่ หมู่ที่ 2 ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 18 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา ปรากฏชื่อ นายธนา โชติพนัง และนายหฤษฎ์ มาสาซ้าย ครอบครองที่ดินร่วมกัน ต่อมาศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนหลักฐาน น.ส.3 ดังกล่าว ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8530/2557 ลงวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2557

3. เมื่อ พ.ศ.2559 ส.ป.ก.ภูเก็ต สอบถามผลการดำเนินการของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ในการเพิกถอน น.ส.3 ข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้ดำเนินการเพิกถอน น.ส.3 เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้ที่ดินแปลงดังกล่าวกลายสภาพเป็นที่ดินที่ไม่มีเอกสารแสดงสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน และตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขานาคเกิด ซึ่งได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน

4. ส.ป.ก.ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง พนักงานสอบสวน ทหาร และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ร่วมกันตรวจสอบตั้งแต่ พ.ศ.2557 ผลการตรวจสอบปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มซึ่งมีอิทธิพลอ้างสิทธิ การถือครองที่ดิน จนถึงปัจจุบันก็ไม่สามารถชี้ชัดว่าบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นผู้ถือครองทำประโยชน์ที่แท้จริง โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการพิพาทแย่งสิทธิการถือครองที่ดิน ระหว่างกลุ่มอิทธิพลดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถเสนอคดีเพื่อให้พนักงานอัยการฟ้องขับไล่กลุ่มบุคคลเหล่านั้นได้ ทั้งนี้ ส.ป.ก.ภูเก็ต ได้มีการประสานกับเจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้มีการรื้อถอนอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ด้วยแล้ว

5. วันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ส.ป.ก.ภูเก็ต ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกะรน พร้อมนักข่าวตามสื่อต่างๆ ตามหมายค้นศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ ค 44/2561 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 จากการตรวจสอบสภาพที่ดินดังกล่าวติดริมทะเล (หาดนุ้ย) ไม่มีสภาพป่ารก กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคาร ร้านค้าร้านอาหาร และบ้านพักอาศัย พร้อมไว้เปิดบริการเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว มีการก่อสร้างอาคารสำนักงานและอาคารต่างๆ อีกจำนวนหลายหลัง มีการก่อสร้างถนนคอนกรีต ลักษณะเป็นการก่อสร้างใหม่ มีพืชผลอาสินในบริเวณที่ดิน อาทิ มะพร้าว และมีการปิดกั้นทางน้ำซึ่งเป็นลำห้วยสาธารณะ ทำเป็นฝายกั้นน้ำและก่อสร้างซุ้มพักผ่อนขวางทางน้ำ ทั้งนี้ใช้ชื่อว่า "วอเตอร์ บีช คลับ" โดยมี นางธัญวลัย ฐานิชธนเกียรติ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/2 ซอยเลียบคลองสอง 16 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร แสดงตัวรับว่าเป็นผู้จัดการและดูแลพื้นที่ดังกล่าว ในนามบริษัท ภูเก็ต สวิง จำกัดและบริษัท วอเตอร์ บีช จำกัด 

6. พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ภูเก็ต จึงร่วมกันจับกุมตัว นางธัญวลัย ฐานิชธนเกียรติ ซึ่งแสดงตัวรับว่าเป็นผู้จัดการและดูแลพื้นที่ดังกล่าว ในนามบริษัท ภูเก็ต สวิง จำกัด และบริษัท วอเตอร์ บีช จำกัด เพื่อดำเนินคดีฐานบุกรุกและยึดถือครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และฐานความผิดตามกฎหมายป่าไม้หลายบทหลายกระทง

7. ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายแล้ว และได้มอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับที่ดินบริเวณพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับผู้ถือครองที่ดินว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับนักธุรกิจชาวจีน ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยมีชาวไทยเป็นนอมินี ในการดำเนินธุรกิจในนามบริษัท ภูเก็ต สวิง จำกัดและบริษัท วอเตอร์ บีช จำกัด ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เสร็จสิ้นแล้ว