“บิ๊กโจ๊ก” ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หาดป่าตอง รวบ 25 ผู้ต้องหา ทั้งชาวจีน ไทย เมียนมา เงินสดกว่า 13 ล้านบาท หลังพบว่า ผู้เสียหายจีนถึงกับผูกคอตาย เมื่อรู้ถูกหลอก  

เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 18 ก.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.-หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และอิเล็กทรอนิกส์ สตช.พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง.ผบก.ทท.1 บช.ทท.พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง.ผบก.สปพ.บช.น.

พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเมืองจี๋หลิน สาธารณรัฐประชาชนจีนนำกำลัง บก.ตม.6 และกำลังพล 80 นายนำหมายเข้าตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จำนวน 4 จุดและขยายผลเพิ่มเติมอีก 2 จุด จากนั้นได้แถลงข่าวที่โรงแรมบียอนป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน

ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการตั้งอยู่กลางใจเมืองป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต มีชาวจีนเป็นพนักงานโทรศัพท์ และมีชาวจีนด้วยกันเป็นหัวหน้าควบคุม โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่แฝงตัว จนสามารถจับกุมได้ในที่สุด โดยการเข้าตรวจสอบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่มีขนาดใหญ่ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และเป็นเครือข่ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผล เพื่อปราบปรามต่อไป

...

โดยได้เข้าตรวจค้นทั้งหมด 4 จุดพร้อมกับขยายผลเพิ่มเติมอีก 2 จุด ตรวจสอบพบมีชาวไทย 2 คนเข้าร่วมกับชาวจีน 22 คน เมียนมา 1 คน และมีผู้ต้องหารวมทั้งหมด 25 คน ยึดของกลาง ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 8 เครื่อง Router WIFi 4 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 150 เครื่อง IPAD 4 เครื่อง เครื่องนับเงิน 1 เครื่องบัตรเครดิต 135 ใบบัตร ATM 6 ใบ ซิมโทรศัพท์มือถือของ DTAC จำนวน 52 ใบ เงินสดสกุลไทยรวมทั้งสิ้น 13,568,570 บาท เงินสดสกุลหยวนจีน 3,800 หยวน รถเก๋งยี่ห้อ Mercedes Benz CLA 200 ป้ายแดงทะเบียน ง 3715 กรุงเทพมหานครอีก 1 คัน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรในการอนุญาตสิ้นสุดหรือ OVER STAY เป็นสัญชาติจีนทั้งหมด 5 คน รวมทั้งการจับกุมในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นชาวเมียนมาผู้หญิง 1 คน โดยตำรวจจีนระบุว่าเกิดความเสียหายในประเทศจีนประมาณ 150 ล้านบาท

ทางการไทยจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในฐานะใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นไปทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมไปถึงการฉ้อโกงประชาชนเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ถึงแม้ว่าไม่มีคนไทยเป็นผู้เสียหาย และถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่มาก่อเหตุในประเทศไทยหรือว่าใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อเหตุ ทั้งในกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และภูเก็ต จึงจะต้องรับโทษในประเทศไทยก่อน หลังจากนั้นจึงจะส่งตัวไปรับโทษต่อเนื่องที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป