ลุงถูกจับคาบ้านข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ใช้จอบตีจนตาย "เจ้าสิงโต" หมาของตัวเองที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ได้ลงคอ เพราะไล่กัดคนไปทั่ว รวมทั้งเจ้าของ อีกทั้งมีอาการป่วย จึงไม่อยากให้มันทรมาน...
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ตัวแทนองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ หรือ WATCHDOG THAILAND ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นิมมาน นิกูโน สารวัตรสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขรายหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ ใช้จอบตีสุนัขของตัวเองจนตายและขุดหลุมฝังไว้หน้าบ้าน ซึ่งเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 มาตรา 20
จากนั้นตัวแทนองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่ยังบ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 ถนนท่าเคียน 2 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบนายคล่อง ชัยเพ็ชร อายุ 65 ปี และนางสมศิลป์ ชัยเพ็ชร อายุ 63 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขที่ถูกฆ่าตาย พร้อมกับร่องรอยการขุดหลุมฝังศพสุนัขอยู่ตรงข้ามบ้านพัก
นายคล่อง ยอมรับว่า เป็นคนใช้จอบตีสุนัขของตัวเองจนตายคามือ พร้อมกับขุดหลุมฝังไว้ในที่ดินตรงข้ามกับบ้านพัก โดยสุนัขชื่อเจ้าสิงโต อายุเกือบ 20 ปี เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ทั้งรักและผูกพันเหมือนกับลูกคนหนึ่ง แต่สาเหตุที่ต้องฆ่าเนื่องจากช่วงหลังเจ้าสิงโต มีนิสัยดุร้ายกัดเพื่อนบ้านเจ็บไปหลายคน จนแทบไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา
นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาภรรยาของตน ถูกเจ้าสิงโตกัดเข้าที่มือซ้ายบาดเจ็บยังรักษาไม่หาย และตนก็ถูกข่วนที่มือซ้าย ยังมีร่องรอยบาดแผลให้เห็น ระหว่างจับมันล่ามไว้ โดยเจ้าสิงโตเริ่มมีอาการป่วยรวมทั้งมีนิสัยดุร้ายกัดไม่เลือก จึงตัดสินใจใช้จอบตีเข้าที่ศีรษะจนตายคามือและขุดหลุมฝังทันที เพื่อไม่ให้มันไปทำร้ายใครอีก และไม่ต้องทรมานจากอาการป่วย และยอมรับว่าเสียใจที่ทำลงไป เพราะเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ และไม่คิดว่าจะมีความผิด
...
ขณะที่ตัวแทนองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ ระบุว่า การกระทำของนายคล่อง เข้าข่าย พ.ร.บ.การทารุณกรรมสัตว์ แม้จะอ้างเหตุผลที่ต้องฆ่า เพราะมันมีนิสัยดุร้ายกัดชาวบ้านและเจ้าของหรือมีอาการป่วย แต่ควรแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มารับสุนัขไปตรวจหรือดูแลรักษา ไม่ใช่ลงมือฆ่าด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการใช้จอบตีนั้นเป็นวิธีที่รุนแรงและเข้าข่ายความผิดทารุณกรรมสัตว์ ต้องถูกดำเนินคดีไม่ว่าจะฆ่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ด้าน พ.ต.ท.นิมมาน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้นำตัว นายคล่อง ไปสอบสวนและแจ้งข้อหาดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท แต่ในทางคดีศาลจะเป็นผู้พิจารณาถึงเหตุและผลมาประกอบด้วยและเป็นการทำผิดครั้งแรก.