เดือนรอมฎอน ชาวมุสลิม นิยมดื่มน้ำอ้อย แก้บวช ส่งผลให้อ้อยพันธุ์นำผึ้ง ขายดี สร้างรายได้ให้เจ้าของไร่ เลิกทำนาหันมาปลูกอ้อย ปีนี้ราคาขยับขึ้นอีกกก.ละ 2 บาท ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ
วันที่ 24 พ.ค. นายดอเลาะ นิมะเซ็ง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 บ้านรายอ ม.8 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เจ้าของไร่อ้อยที่ได้เลิกการทำนา ใช้พื้นที่ 4 ไร่ หันมาปลูกต้นอ้อยสายพันธุ์น้ำผึ้ง ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า พันธุ์มาดู โดยซื้อหาพันธุ์ต้นอ้อยจากประเทศมาเลเซีย ปลูก 1 ครั้ง สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 5 ปี มีความเสี่ยงน้อยกว่าการทำนา มีรายได้จากการทำไร่อ้อยต่อปีโดยเฉลี่ยเกือบ 200,000 บาท โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอน หรือเทศกาลถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิม จะมีรายได้จากตัดอ้อยส่งขาย และมีพ่อค้ามารับถึงสวน โดยจะขายในราคาเดียว คือ กิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งปีนี้มีราคาดีกว่าปีที่ผ่านมาที่ขายอ้อยได้เพียงกิโลกรัมละ 8 บาท
สำหรับอ้อย พันธุ์น้ำผึ้ง มีสายพันธุ์ดี และเป็นที่นิยมของตลาดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลำต้นอ้อยจะมีสีม่วงออกแดง มีรสหวานฉ่ำ ชานอ้อยจะนิ่ม และเมื่อนำไปเข้าเครื่องบีบจะได้ปริมาณน้ำอ้อยที่มากกว่าอ้อยสายพันธุ์อื่น ด้วยความนิยมของชาวมุสลิมที่จะซื้อหาน้ำอ้อยไปรับประทานแก้บวช ส่งผลทำให้ต้นอ้อยในพื้นที่ขาดตลาด และมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่ จ.นราธิวาส
...
นายดอเลาะ เจ้าของไร่อ้อย จึงได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาสโดยเฉพาะในช่วงรอมฎอน หรือการถือศีลอดของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในทุกๆ ปี นอกจากจะตัดอ้อยให้กับลูกค้าซึ่งอยู่ต่างอำเภอ อาทิ แว้ง สุไหงโก-ลก เมืองนราธิวาสและตากใบมารับซื้อถึงสวนแล้ว จะใช้เวลาที่เหลือตัดอ้อยในสวนมาคั้นเอาน้ำอ้อยส่งขายร้านค้าในหมู่บ้าน โดยขายในราคาถุงละ 10 บาท เหมือนกับที่ส่งขายในช่วงวันปกติ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในอีกทางหนึ่ง
"ลงทุนครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 5 ปี และประการสำคัญดูแลง่ายเพียงแต่ใส่ปุ๋ยตามวาระในการบำรุงต้น เพื่อให้ผลผลิตที่ออกมาสมบูรณ์และมีคุณค่าทางโภชนาการ" นายดอเลาะกล่าว
ขณะที่ นายนมาฮาโซ มือเยาะ พ่อค้าขายน้ำอ้อย มีภูมิลำเนาอยู่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เดินทางมาซื้ออ้อยถึงสวนของนายดอเลาะ กล่าวว่า ในทุกๆ ปีชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะนิยมบริโภคน้ำอ้อยในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งราคาอ้อยปีนี้ขึ้นมากิโลกรัมละ 2 บาท ปีก่อนขายในราคากิโลกรัมละ 8 บาท มาปีนี้ขายในราคากิโลกรัมละ 10 บาท แถมผลผลิตยังขาดตลาด ตนจึงได้ชวนเพื่อนที่รู้จักกับเจ้าของสวน เดินทางมาซื้ออ้อยถึงที่นำไปแปรรูปเป็นน้ำอ้อยสดขาย เนื่องจากลูกค้าขาประจำมีความต้องการที่จะบริโภค จึงต้องมาหาอ้อยไปจำหน่าย แม้ว่าราคาจะแพงกว่าปีที่ผ่านมา