สถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำเรี่ยดินที่เกิดขึ้นจึงส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนได้รับผลกระทบ...!
บางรายขาดทุนถึงกับต้องขายสวนทิ้งราคาถูก ไม่ก็โค่นต้นยางเปลี่ยนไปปลูกมะพร้าว แต่ดูแล้วในอนาคตราคาจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้ เกษตรกรบางรายจึงหันจับเทรนด์ฮิต การปลูกต้นกาแฟที่อนาคตยังดูสดใส
ที่ผ่านมา นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และ นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา ผวจ.ยะลา จึงเปิดการอบรมเทคโนโลยีการผลิตกาแฟ และมอบต้นกล้ากาแฟพันธุ์โรบัสต้า จำนวน 40,000 ต้น ให้แก่ชาวสวน
โดยศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา และเทศบาลนครยะลา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัด ณ แปลงต้นแบบ ภายในศูนย์วิจัยพืชสวนแห่งนี้
จากสถิติข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่ายางซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้และ จ.ยะลา แต่ปัจจุบันประสบปัญหาราคายางทั่วประเทศ
จึงมองว่าการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า น่าจะเหมาะกับสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศของ จ.ยะลา นอกจากนี้ ผลผลิตยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและตลาดโลก
นายสุวิทย์ ย้อนอดีตด้วยว่า อ.ธารโต เดิมมีการปลูกกาแฟกันมาก แต่พอราคายางพาราดีวันดีคืนในบางช่วง ก็หันไปปลูกกันยกใหญ่ จนเมื่อราคายางร่วงหนักอีกครั้ง จึงกำลังกลับมาปลูกกาแฟอีกหน
จากปัจจัยราคาดีวันดีคืน ยิ่งคนไทยบริโภคกาแฟเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60% ของประชากร ส่งผลให้การผลิตในประเทศไม่เพียงพอจึงต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังต้องปลูกเสริมในพื้นที่
ยิ่งกาแฟโรบัสต้ากำลังได้รับความนิยม เพราะมีรสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม ราคาในประเทศประมาณ 110 บาท/กก. แต่ถ้าหากส่งออกต่างประเทศจะได้ราคาดีขึ้นกว่านี้
หากแนวคิดนี้ประสบผลสำเร็จเกษตรกรก็น่าจะลืมตาอ้าปาก กลับมามีรายได้ที่แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง.....!
...
วีระยุทธ แสงโนรี