“โจ๊ก ธนากฤต” วัย 34 ปี อดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติไทย สร้างชื่อให้ประเทศนับครั้งไม่ถ้วน จังหวะชีวิตเปลี่ยน! พลิกผัน กลับบ้านเกิดเมืองตรัง สร้างครอบครัว เปิดร้านขายข้าว-ก๋วยเตี๋ยว

วันที่ 20 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านกว้องจั้น สาขา 4 ถ.พิกุลทอง อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (เขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว) ผู้คนที่ผ่านไปมาคงรู้สึกคุ้นตากับชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่เปิดร้านขายข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยว ตั้งแต่เช้าตรู่ 06.00-14.00 น. ทุกวัน แท้จริงแล้วร้านดังกล่าวเป็นร้านของ นายวิทย์สรัช ก้องสุวรรณคีรี หรือภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น นายธนากฤต สุรโชคธรากร หรือ “โจ๊ก” อดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติไทย วัย 34 ปี พลิกผันชีวิตตัวเองมาเปิดร้านดังกล่าวมานานเกือบ 5 ปี ถึงแม้จะเคยเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติที่มีความเก่งกาจในฝีไม้ลายมือศิลปะแห่งการต่อสู้ฟันดาบ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อจังหวะและโอกาสไม่เอื้ออำนวย ก็จำเป็นต้องกลับบ้านเกิดเพื่อสร้างครอบครัว

นายธนากฤต หรือ “โจ๊ก” อดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติไทย กล่าวว่า ตนเล่นกีฬาฟันดาบมาตั้งแต่เรียนอยู่ที่ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ชั้นปีที่ 2 อายุประมาณ 19 ปี รู้สึกสนุกและหลงรักกีฬาชนิดนี้เป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ ต่างจากกีฬาชนิดอื่น โดยผู้เล่นต้องชนะหรือแพ้ด้วยตัวเอง ต้องคิดท่าทาง ไหวพริบและวางแผนการเล่นด้วยตนเอง ทุกครั้งที่ลงสนามแข่งขัน ตนเองรู้สึกเหมือนการลงศึกสงครามแห่งการต่อสู้ รู้สึกเท่อย่างบอกไม่ถูก มีการฝึกซ้อม มีความอดทน อดกลั้น มีความพยายาม และลงสนามแข่งขันกวาดเหรียญรางวัลมาแล้วมากมาย

...

ทั้งนี้ยังเคยเป็นตัวแทนรับใช้ชาติไปแข่งขันที่ต่างประเทศ ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี 2011 ครั้งที่ 26 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ภูมิใจที่สุด ที่ได้ทำหน้าที่และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

หลังการแข่งขันเสร็จสิ้น ก็เริ่มมองหาก้าวต่อไปของชีวิต ใจหนึ่งก็อยากเป็นครูสอนกีฬาฟันดาบเพื่อสานต่อในสิ่งที่ชอบ ก็เคยคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน แต่ก็ยังหาความลงตัวไม่ได้ และบางครั้งชีวิตคนก็รอไม่ได้ ตนเองก็เลยตัดสินใจกลับภูมิลำเนาที่ จ.ตรัง เพื่อหาอาชีพ แต่งงาน และสร้างครอบครัวด้วยตนเอง

ประกอบกับเวลานั้น มีพี่เขยเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่มีชื่อเสียง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานของร้านก๋วยเตี๋ยวเมืองห้วยยอด จ.ตรัง ชื่อร้านกว้องจั้น เปิดขายมานานกว่า 80 ปี ก็ได้ปรึกษาหารือกันก็ทำให้ตนเองและภรรยามานำสูตรมาขยายสาขาเพิ่มเป็นสาขาที่ 4 อยู่ที่ อ.ย่านตาขาว ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะวัตถุดิบที่สด สะอาด โดยเฉพาะเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ร้านพี่เขยไม่ใช้เครื่องจักร แต่ทำด้วยมือทุกวัน ทำให้เป็นที่ติดใจของลูกค้า

ซึ่งช่วงที่เศรษฐกิจดีๆ ยางพาราราคาดี ก็ขายดีหน่อย หมดเร็วทุกวัน มาช่วงพักหลังๆ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ปรับไปตามสภาพ ปัจจุบันนี้อาชีพขายอาหารก็แค่พอได้กิน ได้ใช้ แต่ไม่มีเหลือเก็บ ส่วนชีวิตก็มีความสุขดี แต่ละวันตนเองก็ตื่นตี 4 เตรียมของทุกอย่างไว้ให้ภรรยา ส่งลูก 2 คนชายหญิงไปโรงเรียน แล้วก็ไปทำงานที่สหกรณ์การเกษตรฯใกล้บ้าน เพื่อเสริมรายได้อีกทาง

อย่างไรก็ตาม ชีวิตตนเองมีโอกาสได้ทำหลายอย่าง โดยเฉพาะการเป็นนักกีฬาทีมชาติ และการเปิดร้านขายอาหาร ตนเองคิดว่าทุกอาชีพมีความมานะอดทน ฝึกฝนตั้งใจ และที่สำคัญต้องมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น แต่ยอมรับว่าในใจลึกๆ ก็อยากจะเป็นครู หรือกลับไปรับใช้ชาติอยู่ภายใต้ข้าของแผ่นดินไทย แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิต..อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย กล่าวทิ้งท้าย.