แม่สุดปลื้มใจน้ำใจคนไทย แห่ช่วย "น้องน้ำขิง" ที่ป่วยเป็นโรคตุ่มน้ำใส เกิดจากภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดขาวไม่ทำงาน โดยมีสื่อทุกแขนงช่วยเผยแพร่ จนมีผู้ใจบุญเข้าช่วยเหลือ ยันลูกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ยื่นมือช่วย...

จากกรณี “น้องน้ำขิง” วัย 3 ขวบเศษ ที่ป่วยด้วยเป็นโรคตุ่มน้ำใสในเด็กที่เกิดจากภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดขาวไม่ทำงานทำให้เกิดตุ่มใสขึ้นตามตัว ปวดแสบปวดร้อน และมีอาการคันอย่างรุนแรง และพอแผลแห้งตกสะเก็ดก็มีตุ่มใสๆ ขึ้นใหม่อีก โดยหลังจากมีการเสนอข่าวและได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ตรัง ระหว่างวันที่ 17 ก.ค.-25 ก.ค.60 เป็นเวลา 8 วัน โดยทีมแพทย์ก็ได้ระดมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จนในที่สุดขณะนี้อาการน้องน้ำขิงดีขึ้นและหมอก็ได้อนุญาตให้น้องกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว

น.ส.จิรา พรหมราช อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 279/142 ถ.ห้วยยอด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.จิรัชญา กมุทรัตน์ หรือ น้องน้ำขิง กล่าวว่า อาการของน้องน้ำขิงดีขึ้นมากแล้ว โดยหมอให้หยุดเรียนไปก่อนเป็นเวลา 1 ปี และให้กินยาต่อเนื่อง 2 ปี หากร่างกายมีการสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มได้ อาการก็จะหายไปเองในที่สุด เดิมทีตนเองได้ทำงานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต แต่ตอนนี้ได้ลาออกจากงาน ก็ดูแลลูกด้วยตัวเอง เพราะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด อากาศร้อน โดนฝุ่น ถูกฝน ตากแดดมากก็ไม่ได้ ต้องให้อยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอ หากมิเช่นนั้นตุ่มน้ำใสๆ จะขึ้นมาอีก ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีขึ้นอยู่บ้าง ก็ต้องระมัดระวังหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงให้มากที่สุด

...

แม่น้องน้ำขิง กล่าวด้วยว่า ลูกสาวของตนได้มีโอกาสรักษาจนอาการดีขึ้นได้ถึงขณะนี้ก็เป็นเพราะสังคมสื่อ ทั้งสื่อโซเชียล ออนไลน์ ทีวี ฯลฯ ทุกแขนง ทำให้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ซึ่งนับเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายของลูกจริงๆ ซึ่งตนต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือไว้ ณ โอกาสนี้ สำหรับ ด.ญ.จิรัชญา หรือน้องน้ำขิง กุมารแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง รพ.ตรัง ได้ให้การวินิจฉัยว่า เป็นโรคตุ่มน้ำในเด็กที่เกิดจากภูมิคุ้มกัน โดยโรคนี้มักพบในเด็กเล็กช่วงอายุ 2-5 ปี สาเหตุเกิดจากร่างกายของผู้ป่วยสร้างภูมิคุ้มกันของตนเองขึ้นมาต่อต้านกับโปรตีนที่ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวระหว่างชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการแยกชั้นขึ้น ทั้งนี้จากการวินิจฉัยโดยการส่งชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา พบรอยแยกระหว่างหนังกำพร้ากับหนังแท้ ส่วนการตรวจ Direct immunofluorescence พบเป็น Linear lgA deposit at basement membrane ซึ่งสามารถรักษาโดยการให้ยารับประทาน เช่น dapsone สักระยะหนึ่ง และโรคมักหายได้เอง.