เจ็บใจคนเป็นแม่! ครูปกครองโรงเรียนประจำใช้หวายเฆี่ยนทำโทษเด็ก จนช้ำเป็นรอยห้อเลือด ทรมานแม้จะนั่งหรือนอนหงายก็ทำไม่ได้ แม่เด็กจะโทรเคลียร์ก็ถูกตัดสายทิ้ง ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 60 นางเจี๊ยบ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาวชุมพร พา ด.ช.แมน (นามสมมติ) ลูกชายอายุ 12 ปี เข้าร้องเรียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก บ้านพักเด็ก จ.ชุมพร ให้เอาผิดกับครูปกครองประจำหอพัก ที่ใช้หวายทำโทษลูกชาย โดยเฆี่ยนตีจนก้นเป็นรอยไหม้เขียวช้ำห้อเลือดสุดทรมาน แม้จะนั่งหรือนอนหงายก็ยังทำไม่ได้
ด.ช.แมน เปิดเผยว่า ตนเป็นนักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนประจำ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 60 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่หอพักเดียวกัน ให้เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตอยู่ ขณะที่กำลังเดินไปหยิบโทรศัพท์ ครูฝ่ายปกครองประจำหอพักได้เดินเข้ามาพอดี จึงตกใจและรีบวิ่งไปที่เตียงนอนของเพื่อน ซึ่งครูบอกว่าผิดกฎระเบียบของหอพัก และอาจทำให้คุยกันเสียงดัง
ขณะเดียวกัน เด็กทั้ง 27 คนที่กำลังนอนอยู่ ก็ถูกเรียกให้ยืนขึ้น และเฆี่ยนด้วยหวายที่ก้นคนละ 1 ที จากนั้นได้เฆี่ยนตนต่ออีก 3 ที รวมเป็น 4 ที เนื่องจากมีความผิด ทั้งเรื่องไปนอนที่เตียงตนเองไม่ทัน ผ้าห่มมีกลิ่นปัสสาวะ บนที่นอนมีแป้งหกใส่ และขึ้นไปนอนเตียงเพื่อน จึงถูกทำโทษมากกว่าคนอื่น 3 เท่า จนเจ็บระบมจนนอนหงายหรือนั่งไม่ได้ ต้องนอนคว่ำหน้าร้องไห้ตลอดทั้งคืนจนเป็นไข้ กระทั่งเช้าวันต่อมา จึงได้ยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรไปหาแม่ว่าไม่สบาย อยากกลับบ้าน
...
นางเจี๊ยบ ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เมื่อตนเห็นรอยไหม้เขียวช้ำที่ก้นของลูกชาย ก็รู้สึกโมโหมากและคิดว่าครูทำเกินกว่าเหตุ จึงโทรศัพท์ไปหาครูคนดังกล่าว แต่กลับโดนตัดสายทิ้ง จากนั้นได้ตัดสินใจพาลูกไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ไว้กับ ร.ต.อ.สนธยา ไทยประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สภ.สลุย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 60 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.สลุย ได้ให้นางเจี๊ยบและครูปกครองไปพบ แต่ครูได้ให้ทนายความไปแทน และให้ไปสู้กันในชั้นศาล จนต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ (พม.) และยืนยันว่าจะเอาเรื่องครูรายนี้ให้ถึงที่สุด ส่วนลูกชาย ตนให้ย้ายออกจากโรงเรียนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ด้าน น.ส.ชนัญชิดา สุดรอด เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก บ้านพักเด็ก จ.ชุมพร กล่าวว่า หลังรับเรื่องแล้ว จะนำตัวทั้งแม่และเด็ก ไปที่สำนักงานอัยการ จ.ชุมพร เพื่อสอบสวนตามป.วิอาญา ให้ถูกต้องชัดเจน และจะรวบรวมสำนวนพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลดำเนินคดีกับครูคนดังกล่าวต่อไป
(ภาพประกอบจากผู้ปกครองเด็ก)