คุ้มกันเข้ม-รับตัวจากทหาร แฉนายทุนเงินกู้หนุ่มคู่ขา! น้าแท้ๆลากไส้ถูกโกงที่ด้วย

ตำรวจระดมกำลังชุดควบคุมฝูงชนกว่า 100 นาย คุมเข้มรับตัวกลุ่มผู้ต้องหาคดีฆ่าล้างครัวผู้ใหญ่บ้าน 8 ศพ ที่ทหารนำตัวมาส่งมอบให้ ผบ.ตร. หลังมีกระแสข่าวญาติเหยื่อโหดเตรียมชำระแค้นวางแผนลอบสังหาร “บังฟัต” หัวโจกแก๊งทมิฬ “พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” เผยบังฟัตมีคู่ขาเพื่อนชายคนสนิท เป็นนายทุนใหญ่ให้เงินมาปล่อยกู้ แต่ช่วงหลังเก็บหนี้ไม่ได้เพราะมีปัญหากับผู้ใหญ่บัติ แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับคดี แฉก่อนนาทีลั่นไกแก๊งโหดจะกลับกันอยู่แล้วแต่บังฟัตเผลอพูดออกมาจนผู้ใหญ่บัติจำเสียงได้เลยลงมือฆ่าหมู่ ญาติบังฟัตเปิดตัวแฉอีกคนถูกหลอกโกงฮุบที่ดินทั้งที่เป็นน้าแท้ๆ ยุติธรรมจังหวัดลงพื้นที่หาแนวทางช่วยชาวบ้านกว่า 10 ราย ถูกหลอกโอนที่ดินให้บังฟัตส่วนใหญ่ไม่อ่านรายละเอียดในเอกสารที่ให้เซ็นชื่อ

กลุ่มผู้ต้องหาคดีฆ่าล้างครัวนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ อายุ 46 ปี ผญบ.หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เสียชีวิต 8 ศพ บาดเจ็บ 3 คน ยังถูกคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3/2558 หลังศาลอนุมัติหมายจับนายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์–สกุล อายุ 41 ปี หัวโจกนายทุนเงินกู้โหด พร้อมพวกรวม 8 คน แต่ละคนโดนข้อหาแตกต่างกันไป รวมแล้วคนละนับสิบข้อหา เผยปมมรณะมาจากบังฟัตใช้กลโกงหลอกให้นายวรยุทธโอนที่ดินที่มาจำนองไว้นำไปเป็นหลักทรัพย์เงินกู้ธนาคาร เมื่อนายวรยุทธใช้หนี้หมดแล้วก็ไม่ได้โฉนดที่ดินคืน จนมีการฟ้องร้องเป็นเรื่องบาดหมางรุนแรงถึงขั้นขู่ฆ่าล้างโคตรกันไปมา แต่บังฟัตชิงลงมือก่อน จากการตรวจสอบพบว่าไม่ใช่แค่นายวรยุทธเท่านั้นที่ถูกบังฟัตหลอกโกงที่ดิน แต่ยังมีชาวบ้านอีกหลายรายตกเป็นเหยื่อด้วย

...

ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ค. ตำรวจจัดเตรียมสถานที่ห้องประชุมพิทักษ์ประชา สภ.เมืองกระบี่ และบริเวณลานจอดรถหน้าโรงพักไว้ให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มารับตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 8 คนที่ทหารจะนำมาส่งมอบให้ตำรวจในวันที่ 21 ก.ค. โดยนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้าห้องประชุม พร้อมจัดกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกว่า 100 นาย คอยเฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันเหตุวุ่นวายจากกลุ่มมวลชนทั้งญาติผู้ตายและชาวบ้านที่โกรธแค้น ส่วนในห้องประชุมจัดจุดรับมอบตัว ลงบันทึกประจำวัน จุดตรวจร่างกาย และจุดตรวจรับมอบของกลางให้กับตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนกลุ่มผู้ต้องหายังคงควบคุมตัวไว้ที่ค่ายทหาร ร.15 พัน.1 ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าพบ ทั้งผู้ต้องหา 8 คนที่ถูกออกหมายจับ และผู้เกี่ยวข้องอีก 4-5 คน ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายตำรวจระดับสูงใน บช.ภ.8 ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบังฟัตเป็นเพียงแค่ผู้ถูกว่าจ้างมา น่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกว่า ประเด็นดังกล่าวไม่ได้ตัดทิ้ง อยู่ระหว่างการสืบสวน เพิ่มเติมและตำรวจไม่ได้ปิดคดี เนื่องจากขณะนี้ใช้อำนาจ คสช.ในการควบคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหา เมื่อตำรวจรับตัวมาแล้วก็เข้าสู่กระบวนการตามปกติ ยังจะมีการสอบสวนเพิ่มเติม หากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องน่าจะมีความผิด จะขอศาลออกหมายจับเช่นกัน

ต่อมา พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา (สบ 10) เดินทางไปตรวจความเรียบร้อยในห้องประชุม สภ.เมืองกระบี่ สถานที่รับตัวกลุ่มผู้ต้องหา พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปรับฟังเบื้องหลังคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น แต่ห้ามบันทึกภาพและเสียง พล.ต.อ.สุชาติเผยว่า บังฟัตมีคู่ขาเป็นเพื่อนชายคนสนิทชื่ออาเจ๊ะ เป็นนายทุนใหญ่ให้เงินมาปล่อยกู้อีกทอดหนึ่ง แต่ระยะหลังไม่สามารถเก็บดอกเบี้ยและเงินต้นจากชาวบ้านได้เพราะมีปัญหากับผู้ใหญ่บัติ แต่ยังไม่พบความเกี่ยวข้องกับคดี เพราะผู้ใหญ่บัติกับบังฟัตมีการขู่ฆ่ากันไปมาเรื่องปมที่ดินที่ยืดเยื้อกันมานานพอสมควร นอกจากนี้ บังฟัตยังปล่อยเงินกู้ ให้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ้านกลาง นับร้อยราย แต่ไม่กล้าเข้าพื้นที่เนื่องจากถูกผู้ใหญ่บัติขู่ไว้

พล.ต.อ.สุชาติเผยต่อไปว่า เหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุจากการสอบถามทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม กลุ่มผู้ต้องหากำลังจะกลับกันอยู่แล้ว บังฟัตที่สวมไอ้โม่งปิดใบหน้าเผลอพูดออกมา ทำให้ผู้ใหญ่บัติจำได้ว่าคือบังฟัต จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้นและนำมาสู่การสังหารหมู่ ส่วนกรณีอดีตนายตำรวจคนหนึ่งที่ออกมาให้ข่าวว่ามีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังอีกนั้น จะเชิญมาให้ข้อมูลอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ได้รับรายงานจากสายข่าวว่า มีญาติของผู้ใหญ่บัติคนหนึ่งเป็นตำรวจ กำลังวางแผนลอบสังหารบังฟัตเพื่อล้างแค้น ในระหว่างที่ตำรวจรับมอบตัวจากทหาร ยังไม่แน่ชัดว่าตามเส้นทางหรือภายในจุดรับตัว จึงจำเป็นต้องเพิ่มกำลังตำรวจและเพิ่มความเข้มงวดในการรับตัวกลุ่มผู้ต้องหาให้มากขึ้น สแกนผู้เข้ามาภายในบริเวณสถานที่ โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด

ด้านนายสมศักดิ์ เตียงตระกูลทอง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ เผยขั้นตอนหลังจากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาฝากขังที่เรือนจำว่า ได้เตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบเช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆ ปฏิบัติตามขั้นตอน ตรวจร่างกาย ตัดผม เปลี่ยนเสื้อผ้า นำตัวเข้าห้องควบคุม แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เรือนจำจังหวัดหวัดกระบี่จึงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยผู้ต้องหาทั้ง 8 คน จัดแยกกันอยู่ภายในห้องควบคุมห้องละ 2-3 คน เนื่องจากผู้ต้องหาอาจคิดสั้นฆ่าตัวตาย หรืออาจโดนผู้ต้องขังคนอื่นรุมทำร้าย ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา พร้อมกล้องวงจรปิดทั่วบริเวณทั้งภายในและนอกเรือนจำ

ต่อมาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง เป็นบ้านของนายแดง สำแดง อายุ 66 ปี น้าของบังฟัต มีสภาพขาพิการเดินไม่สะดวก เป็น 1 ในเหยื่อที่ถูกบังฟัตโกงที่ดิน เผยว่า บังฟัตเป็นหลานแท้ๆ เนื่องจากแม่บังฟัตเป็นพี่สาวของตน ด้วยความเชื่อใจหลานชาย จึงนำโฉนดที่ดินเนื้อที่ประมาณ 3 งานไปจำนองไว้ โดยมอบหมายให้ลูกๆเป็นผู้ดำเนินการแทน จนเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งมาถ่ายรูปบ้านและบอกว่าขาดผ่อนหลายเดือน จึงรู้ว่าถูกบังฟัตหลอกเอาทั้งเงินทั้งที่ดินไป

...

นายประเสริฐ บุญเกษม อายุ 41 ปี ลูกเขยของนายแดง กล่าวว่า เมื่อปี 55 เดือดร้อนเงิน จึงนำที่ดินของพ่อตาไปจำนองกับบังฟัต เป็นเงิน 420,000 บาท ต่อมาบางเดือนไม่มีเงินผ่อนจ่ายจึงตกลงทำสัญญาใหม่กับบังฟัตเป็นเงิน 800,000 บาท ในวันที่ 19 พ.ค.58 โดยสัญญากันว่า ถึงแม้จะไม่มีเงินส่งผ่อนยอดเงินก็จะไม่เพิ่มอีก แต่ภายหลังมาทราบว่าถูกหลอกเมื่อธนาคารมาถ่ายรูปจะยึดที่ดินเนื่องจากขาดผ่อนส่ง ทั้งที่ได้ผ่อนเงินค่างวดให้บังฟัตมาตลอด ไม่คิดว่าจะเอาโฉนดที่ดินไปจำนองต่อกับธนาคารแล้ว สำหรับที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ 3 งาน ปลูกบ้านอยู่ร่วมกัน 5 หลัง คงต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ต่อไป

น.ส.อัญญารัตน์ เบญญาพันธุ์ นิติกรสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่บังฟัตหลอกโกงที่ดินชาวบ้านว่า อำเภออ่าวลึกร่วมกับยุติธรรมจังหวัดกระบี่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดยนัดชาวบ้านที่ถูกหลอกโอนที่ดินให้บังฟัตมาที่ อบต.บ้านกลาง มีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 10 ราย และทราบว่ายังมีอีกหลายราย ส่วนใหญ่ยอมรับว่าได้ฝากขายที่ดินไว้กับบังฟัต ไม่ทราบว่าเป็นการโอนที่ดินให้ การไปเซ็นเอกสารที่สำนักงานที่ดินอำเภอไม่ได้อ่านรายละเอียดเนื่องจากไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่กลับมาทราบภายหลังว่าบังฟัตนำที่ดินไปจำนองธนาคารอีกทอดหนึ่ง หลังจากนี้ได้ให้ชาวบ้านรวบรวมเอกสารเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป