ภาพจากนายเนติวุฒิ แสนคุ้ม ปลัดอำเภอ อ.ขุนหาญ

ชาวบ้าน อ.ขุนหาญ 4 คนเข้าป่าหาเห็ดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แล้วเกิดหลงทางอยู่ในป่าหายไปนาน 2 วัน 1 คืน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งออกตามจนพบ เผย รอดมาได้สุดอิดโรยอาศัยน้ำในลำห้วย และกระท้อนป่าประทังชีวิต...

เมื่อช่วงสายวันที่ 4 ก.ค. 60 นายเนติวุฒิ แสนคุ้ม ปลัดอำเภอ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากนางหนูเพียร บุญเชิญ อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 6 หมู่ 12 ต.สิ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ว่า ลูกชายและลูกสะใภ้ของตนรวม 4 คน เข้าไปหาของป่าแล้วหลงทาง จึงนำกำลัง อส. อ.ขุนหาญ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.1631 ตำรวจ สภ.ขุนหาญ และกำนันผู้ใหญ่บ้าน เข้าติดตามหาชาวบ้านที่หลงป่า โดยเดินทางเข้าไปในป่าภูพะยอม พื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ท้องที่ ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ อันเป็นพื้นที่ป่าที่ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าหาเห็ด

จนกระทั่งพบรถจักรยานยนต์ของลูกชายและลูกสะใภ้ของนางหนูเพียรจอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังกันค้นหา โดยใช้เสียงแตรรถเรียกไปเป็นระยะๆ จนกระทั่งเวลา 14.45 น.วันเดียวกัน จึงได้พบกับกลุ่มคนที่หลงป่า กำลังหาทางเดินหาทางกลับบ้านด้วยอาการอิดโรยเนื่องจากอดนอน อดอาหาร จึงได้พากลับมาบ้านพ่อแม่ญาติพี่น้องผูกแขนรับขวัญ ก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจร่างกาย

นายศุภกฤต บุญเชิญ อายุ 32 ปี ลูกชายของนางหนูเพียร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ วันที่ 3 ก.ค. ตนพร้อมภรรยา พี่สาวและน้องสาว รวม 4 คนได้ชวนกันไปหาเก็บเห็ดในป่า โดยขี่จักรยานยนต์ 2 คัน เข้าไปจนสุดทางรถแล้วจึงได้เดินเท้าหาเห็ดกัน จนหลงป่าหาทางกลับไม่ถูก ระหว่างที่หาเห็ดอยู่นั้นก็ได้พบร่องรอยการตัดไม้พะยูง ก็เกิดความกลัวว่าจะไปพบกับกลุ่มขบวนการค้าไม้เกรงจะเกิดอันตราย จึงได้พากันลงลุยน้ำในลำห้วยไหลลงล่างเรื่อยๆ เพราะคิดว่าน้ำจะไหลลงมาทางหมู่บ้าน แต่เวลาค่ำมืดก่อน ประกอบกับฝนตก และหิวข้าวด้วย

...

“จนไปพบต้นกระท้อนป่า จึงเก็บมากินประทังชีวิต ส่วนน้ำก็อาศัยกินน้ำในลำห้วย จนค่ำมืดก็พากันนั่งหลับบ้าง ตื่นบ้างเพราะเกิดความกลัวและปรึกษากันว่าเช้าค่อยหาทางกลับ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาพบ รวมอยู่ในป่า 2 วันกับ 1 คืน” นายศุภกฤต กล่าว.