11 ผู้เสียหาย แจ้งจับ "ทอมอุดรฯ" ตุ๋นพาทำงานเกาหลี พบมีหมายจับนับสิบ สูญเป็นล้าน ตำรวจบุกรวบตัว สารภาพทุกข้อกล่าวหา อ้างส่งแรงงานจริง ระบุพักหลัง ตม.เข้มงวด เข้าเมืองยาก
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.ท.เวนิช ประเสริฐ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังจับกุม น.ส.กิตติยา มุกสิกพันธ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 436 หมู่ 9 บ้านคลองเจริญ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามหมายจับศาลแขวงอุดรธานี ที่ 46/2560 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” โดยจับกุมได้ที่ห้องพักหมายเลข 202 ทับทองอพารต์เมนต์ ซอยพรมประกาย ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมกลางหนังสือเดินทางจำนวนมาก คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง สำเนาเอกสารทางราชการจำนวนมาก บัญชีธนาคาร 2 เล่ม ควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวน
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2559 น.ส.ภัณฑิลา โชคสกุลไพศาล 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 5 ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมพวกอีก 10 คน แจ้งความเมื่อเดือนมกราคม 2559 ถูก น.ส.กิตตยา มุกสิกพันธ์ หลอกว่า สามารถส่งไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ ได้เรียกเก็บค่าดำเนินการหลายครั้ง โดยให้เหตุผลว่า ผู้ดำเนินการซึ่งเป็นคนไทยในเกาหลีมีเรื่องติดขัด จึงต้องจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ แล้วจะดำเนินการต่อไปได้ มีการเรียกเก็บเงินตนหลายครั้งรวมเป็นเงิน 605,000 บาท มากที่สุดในกลุ่ม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเดินทางไปเกาหลีได้ มูลค่ารวมเป็นเงินร่วม 1 ล้านบาท
...
น.ส.กิตติยา ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแก๊งส่งแรงงานไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้ โดยไม่ได้ผ่านกรมแรงงาน แบบซื้อตั๋วนักท่องเที่ยว ครั้งละ 5-6 คน เมื่อเข้าประเทศเกาหลีได้ ก็จะมีคนไทยในเกาหลีรับไปทำงาน โดยจะเก็บค่าหัวคนละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท หรือมากกว่านั้น
"ระยะแรกสามารถเข้าไปทำงานได้เพราะ ตม.เกาหลีใต้ไม่เข้มงวด คือส่งไปแบบเสี่ยงดวง เมื่อเข้าเกาหลีได้จึงทำให้มีการพูดปากต่อปาก จึงมาคนมาสมัครเยอะขึ้น โดยจะได้ส่วนแบ่ง รายละ 5,000 บาท แต่ระยะหลัง ตม.เกาหลีเข้มงวด ไม่สามารถเข้าเกาหลีได้ จึงได้เรียกเก็บเงินจาก น.ส.ภัณฑิลา และพวกเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถส่งผู้เสียหายทั้งหมดไปเกาหลีใต้ได้ และไม่มีเงินคืน จึงมาเช่าห้องพักหลบซ่อนตัว แต่ก็ยังแอบหลอกแรงงานไปทำงานเกาหลีเช่นเดิม กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุม"
ร.ต.ท.สถิตย์ ภูบังแสง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความแล้ว 11 ราย มูลค่าเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท จึงมีหมายจับกว่า 10 หมาย คาดว่าจะมีผู้เสียหายอีกแน่นอน