ผอ.แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู เผย วิศวกรออกแบบเกาะกลางและยูเทิร์น ยอมตัด “พ็อกเกตเลน” เสี่ยงตายทิ้ง 1 เมตร ทั้ง 4 จุด พร้อมติดตั้งหลักล้มลุก-หมุดสะท้อนแสงเพิ่ม
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี แจ้งให้แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู เร่งรัดให้ผู้รับจ้างก่อสร้างเกาะกลางถนนแบบคอนกรีตแบริเออร์ และยูเทิร์นแบบพ็อกเกตเลน 4 แห่ง บนทางหลวงหมายเลข 210 ตอนนิคมเชียงพิณ-หนองบัวลำภู กม.15+998-กม.19+875 วงเงิน 16.1 ล้านบาท หลังจากหมดสัญญาตั้งแต่ 9 เม.ย. 60 ให้แล้วเสร็จภายใน 9 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมแก้ไขปรับปรุงจุดเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบริเวณยูเทิร์นไปแล้วนั้น
นายวิรัตน์ แสนอุดม ผอ.แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า ผู้รับจ้างถูกปรับงานล่าช้ามาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา วันละ 40,338 บาท ไม่รวมวันที่ 11-18 เม.ย. ที่กรมทางหลวง สั่งให้หยุดช่วงสงกรานต์ ขณะนี้ผู้รับจ้างกำลังเร่งทาสี ตีเส้น ติดตั้งป้ายจราจร ป้ายสะท้อนแสง ลบเส้นจราจรเดิม และแก้ไขผิวจราจรบางส่วน คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นสัปดาห์หน้า เมื่อทำการตรวจรับมอบงานแล้ว แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู จะเข้ามาแก้ไขจุดเสี่ยงบางส่วน
...
“แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู ได้เข้ามาป้องกันเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ด้วยการติดป้ายเตือน วางกรวยยาง และทางสีรอบเกาะกลาง เพื่อให้ประชาชนที่สัญจรไปมามองเห็นชัดเจน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เสริม จากความห่วงใยของคณะกรรมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน จ.อุดรธานี ด้วยการติดตั้งหลักล้มลุก จุดเชื่อมระหว่างคอนกรีตแบริเออร์กับจุดยูเทิร์นที่สร้างเกาะขยายออกมาทั้ง 2 ด้านของยูเทิร์น 4 แห่ง”
ผอ.แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู กล่าวอีกว่า ล่าสุด สำนักงานทางหลวงที่ 6 (เพชรบูรณ์) ได้ส่งวิศวกรผู้ออกแบบเกาะกลางและยูเทิร์นโครงการนี้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากแบบการก่อสร้างถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ซึ่งจากผลการตรวจสอบและหารือ เห็นควรว่าให้ตัดเกาะที่ยื่นออกมาให้เท่ากับเกาะกลางแบบตีเส้นเดิม หรือตัดออกประมาณ 1 เมตร โดยแขวงทางหลวงหนองบัวลำภู จะเป็นผู้ดำเนินการเอง นอกจากการตัดเกาะกลางก่อนยูเทิร์น 2 ด้าน ทั้ง 4 แห่ง ยังมีติดตั้งหลักล้มลุกให้มีความถี่มากยิ่งขึ้น, ติดตั้งหมุดสะท้อนแสงบนเส้นแบ่งเลนใหม่ และป้ายเตือนลดความเร็ว ยังมีแผนจะติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อเป็นหลักฐานหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก จะได้นำมาแก้ไขให้ปลอดภัยมากขึ้น.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง คลิกที่นี่