กลายเป็นหนังคนละม้วน หญิงสาวที่เป็นคู่กรณีหนุ่มร้อยเอ็ดช้ำรักกลับไปผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง ปัดไม่ได้เป็นแฟน ไม่เคยรักกัน แต่ถูกผู้ตายข่มขืนเลยแจ้งความดำเนินคดี ร้องค่าเสียหายตกลงไม่ได้ ศาลใกล้ตัดสินคู่กรณีก็มาฆ่าตัวตายลาโลก...
จากกรณี ข่าวที่มี หนุ่มร้อยเอ็ด ช้ำรัก สาวที่คบหามีคนใหม่ แถมฟ้องล่วงละเมิด พ่อถามลูกชายบอกไม่ได้ทำ หาทนายมาช่วยสู้คดี ไม่ทันฟังคำตัดสินในอีก 14 วันข้างหน้า ขี่จักรยานยนต์จาก กทม. กลับบ้านเกิด ผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง ตามข่าว กลับมาตายบ้านเกิด! หนุ่มหอบใจช้ำรักกลับร้อยเอ็ด ผูกคอใต้ต้นมะม่วง ที่ได้เสนอไปก่อนหน้านี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2560 ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้รับแจ้งจาก น.ส.น้อย (นามสมมติ) หญิงสาวที่อ้างตัวว่า เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมพร ผิวสวย อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงในสวนของญาติ ห่างจากบ้านของตนเอง 50 เมตร ในพื้นที่ ต.ดูกอึ่ง อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด
บิดาของผู้ตายได้ให้ข่าวตายของบุตรชายว่า มาจากสาเหตุถูกอดีตคนรักที่เป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ต่อมาเมื่อต้นปีที่แล้ว น.ส.น้อย มีคนรักใหม่ แล้วแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมพร ข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศที่ สน.พระโขนง โดย น.ส.น้อย เรียกค่าเสียหาย 200,000 บาท นายสมพร ต่อรองเหลือ 50,000 บาท แต่ น.ส.น้อย ไม่ยอม และศาลตัดสินคดีในวันที่ 22 พ.ค.นี้ นั้น
น.ส.น้อย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และทำให้ตัวเอง และญาติพี่น้องได้รับการต่อว่าจากญาติผู้ตายว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายสมพรฆ่าตัวตาย เพราะคนในพื้นที่ทราบดีว่าตนและครอบครัวมีข้อพิพาท เป็นคดีความกันอยู่ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้ ตนเองและนายสมพร รู้จักกันจริง แต่ไม่ใช่แฟนหรือคนรัก เป็นเพียงคนที่อยู่จังหวัดเดียวกัน ไม่ได้คบหาดูใจ หรือ รักใคร่ชอบพอกัน เนื่องจากตนเองมีครอบครัว มีสามีและลูกแล้ว
...
ส่วนคดีความที่เกิดขึ้น เนื่องจากตัวเองถูกนายสมพรล่อลวงไปข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศ จากนั้นนายสมพรอ้างว่าทำไปด้วยความรัก และจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ แต่ตัวเองมีครอบครัวแล้ว ไม่ใช่สาวโสด การกระทำของนายสมพร สร้างตราปาบทำให้ตนอับอายมาก อีกทั้งส่งผลให้สภาพจิตใจย่ำแย่ ครอบครัวต้องเดือดร้อน เพราะต้องออกจากงานที่ทำ เพราะไม่สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดิมได้ จึงไปตรวจร่างกาย และนำหลักฐานแชตไลน์ต่างๆ ระหว่างตนและนายสมพร เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมพรที่ สน.พระโขนง และคดีอยู่ในกระบวนการของศาล โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 พ.ค.นี้ แต่นายสมพรก็มาชิงฆ่าตัวตายหนีความผิดไปเสียก่อน
น.ส.น้อย กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่บิดานายสมพร อ้างว่า ฝ่ายตนเรียกค่าเสียหาย 200,000 บาท แล้วนายสมพร ต่อรองเหลือ 50,000 บาท ก็ไม่เป็นความจริง เพราะพอแจ้งความดำเนินคดี ทางญาติของนายสมพรก็ติดต่อทนายความมาไกล่เกลี่ย โดยทางฝ่ายตนที่เป็นผู้เสียหายได้ยื่นค่าเสียหายไป 150,000 บาท แต่ฝั่งนายสมพรก็เงียบหายไปไม่มีการติดต่อกลับมา จนวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินค่าเสียหาย และคดีศาลก็กำลังจะตัดสิน แต่เมื่อนายสมพรมาตายไปก่อน ก็ไม่รู้ว่าจากนี้จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่อย่างไร จึงอยากขอความเป็นธรรม และชี้แจงเรื่องราวที่แท้จริงที่เกิดขึ้นกับฝ่ายตนให้สังคมได้รับรู้.