เพื่อนบ้านที่กาฬสินธุ์ สุดสงสาร วอน ทนายสงกานต์ ช่วยรื้อคดี 'ตา-ยายเก็บเห็ด' ถ้าเป็นไปได้ขอสองผัวเมีย พ้นคุก เผย ชีวิตทั้งคู่สุดรันทด ไม่มีลูกหลานดูแลยามแก่เฒ่า แถมป่วยและมีฐานะยากจน
วันที่ 4 พ.ค. จากคดีดัง นายอุดม ศิริสอน อายุ 54 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 51 ปี สองสามีภรรยา ชาวบ้านหนองกุงไทย ม.4 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมในข้อหาร่วมกันบุกรุก แผ้วถาง ก่อสร้าง ทำไม้ ยึดถือครอบครอง หรือ กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการกระทำให้เสื่อมสภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตรารัฐบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต (ป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง) ตั้งแต่ปี 2553 และในปี 2554 ถูกศาลจังหวัดกาฬสินธุ์พิพากษาจำคุกคนละ 30 ปี ลดโทษเหลือ 15 ปี ซึ่งในปี 2557 ผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ในปีดังกล่าว ศาลอุทธรณ์มีคำ แก้จำคุกเป็น 14 ปี 12 เดือน และเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกสองสามีภรรยา คนละ 5 ปี ขณะที่ทนายความประกาศยื่นเรื่องรื้อฟื้นคดีใหม่ภายในสัปดาห์หน้า และสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ก็พร้อมที่จะยื่นประกันตัวหากมีการรื้อคดี
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บ้านหนองกุงไทย ม.4 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านนายอุดม ศิริสอน อายุ 54 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 51 ปี โดยภายหลังศาลฎีกา พิพากษาจำคุก สองสามีภรรยา คนละ 5 ปี และขณะนี้ถูกส่งตัวเข้าไปคุมขังภายในเรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ พบว่า บ้านหลังดังกล่าวหลังไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ มีรถบรรทุก 6 ล้อ สภาพเก่า ติดสติกเกอร์ ข้อความ “รับยกบ้าน” ไว้ข้างรถจอดอยู่ข้าง บริเวณหน้าบ้านมีรถไถนาเดินตาม รถจักรยานยนต์สภาพเก่า และมีคอกวัวโดยบ้านถูกปิดไว้ไม่มีใครอยู่ เนื่องจากนางสาย ภูเชิดสาย น้องสาวนางแดง ศิริสอน ซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังดังกล่าวนำวัวออกไปเลี้ยงตั้งแต่เช้า ส่วนญาติๆ ก็เดินทางไปเยี่ยม นายอุดม และนางแดง ที่เรือนจำ จ.กาฬสินธุ์
...
ทั้งนี้ ชาวบ้านและเพื่อนบ้านยังคงต่างนั่งจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ต่างแสดงความสงสาร สองสามีภรรยา เนื่องจากในอดีต มีชีวิตครอบครัวที่รันทด ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน หาเช้ากินค่ำ และมีปัญหาทางสุขภาพ พร้อมวอนให้ทนาย สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ยื่นเรื่องเพื่อขอรื้อฟื้นคดีใหม่
นายรวม ภูเชิดสาย อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนางแดง กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา นายอุดม และนางแดง มีอาชีพยกบ้าน และทำนา ระยะหลัง นายอุดม มีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุถูกรถชน จึงเลิกทำอาชีพยกบ้าน เหลือไว้เพียงรถบรรทุก 6 ล้อ สภาพเก่าจอดไว้ ใช้บ้างไม่ได้ใช้บ้าง และมายึดอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไป หาเช้ากินค่ำ กระทั่งมาถูกจับและติดคุก ทำให้ญาติและเพื่อนบ้านสงสารเป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวนี้ ในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมาถือว่า มีชีวิตที่รันทดมาก เพราะทั้งสองคนเคยมีลูก ซึ่งเป็นผู้หญิงถึง 2 คน แต่ร่างกายไม่แข็งแรง ซึ่งเมื่ออายุได้ 2-3 ปี ก็เสียชีวิตไปทั้ง 2 คน จึงไม่มีทายาท และไม่มีลูกไว้คอยดูแลยามแก่เฒ่า หรือ ยามเจ็บป่วย
นายรวม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนายอุดมและนางแดง อาศัยอยู่บ้านหลังนี้พร้อมกับนางสาย ซึ่งเป็นน้องนางแดงรวม 3 คน มีวัวที่เลี้ยงไว้ประมาณ 4-5 ตัว ส่วนที่นาที่เอาไว้ทำกินของของครอบครัวนี้ก็มีประมาณ 5-6 ไร่ แต่ยังไม่ได้แบ่งกันกับที่นาตนที่มีอยู่ 8 ไร่ เพราะที่นาผืนดังกล่าวเป็นแปลงเดียวกัน รวมกันประมาณ 14 ไร่ ซึ่งยังเป็นชื่อพ่อของตนอยู่ ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ทั้งนี้ พูดคุยกันว่าหากจบเรื่องคดีแล้วจึงจะแบ่งกัน จึงอยากวอนให้ทนายความยื่นเรื่องรื้อคดีเพื่อช่วยสองสามีภรรยาคู่นี้ด้วย
ด้านนางพวงเพชร แก้วสาโฮง อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า รู้สึกสงสาร นายอุดม และนางแดง เพราะถือว่า ทั้งสองคนฐานะทางบ้านลำบาก ไม่มีลูกไว้คอยดูแล ยิ่งตอนนี้มีปัญหาเรื่องสุขภาพและยังติดคุกอีก ซึ่งทำให้เพื่อนบ้านสงสารเป็นอย่างมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อ้อนวอนทนายขอให้รื้อคดีใหม่ เพื่อช่วยเหลือนายอุดมและนางแดง ด้วย.