กาฬสินธ์ุ ชายพิการขาด้วน วอน ภาครัฐเมตตาตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะครอบครัวเดือดร้อนหนัก หลังถูกอดีตนายดาบตำรวจฟ้องไล่ที่ เชื่อเกิดจากปมขัดแย้งกันมานาน
เมื่อวันที่ 17 เมษายน ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งจากนายธวัชชัย ดีจันทร์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 16 หมู่ 17 บ้านดอนอุดม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยเป็นผู้พิการขาด้านขวาตั้งแต่เหนือหัวเข่าลงมาขาดด้วน บอกว่า ขณะนี้ตนภรรยาและลูก กำลังอยู่ในอาการเครียด เป็นทุกข์ใจอย่างหนัก จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากการถูก อดีตข้าราชการบำนาญ (ยศดาบตำรวจ) ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ร้องเรียนไปถึงศาลปกครอง ว่า ตนกระทำความเดือดร้อนให้กับชุมชนหลายข้อหา โดยข้อหาหนัก ที่จะตัดสินในวันนี้ (18 เม.ย.) ซึ่งอาจจะถูกอำนาจรัฐบังคับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ที่ทำเป็นเพิงชั่วคราวกันแดดขายกุ้งขายปลาหาเลี้ยงครอบครัว
นายธวัชชัย กล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้ เป็นที่ นส.3 ก ขนาด 1 งาน 60 ตารางวา โดยซื้อต่อจากนางสงวน พึ่งจักคลี่ เมื่อปี 2553 สภาพเดิมเป็นแปลงนา ต่อมา ได้ถมที่เพื่อปลูกสร้างที่พัก ด้านหน้าติดถนนหลวงได้ทำการเปิดร้านซ่อมจักรยานยนต์ และเครื่องมือการเกษตร ด้านข้างทำเป็นอ่างพักปลา และกุ้งก้ามกราม เพื่อขายหารายได้เลี้ยงครอบครัว ก่อนที่ในปี 2555 จะถูกเพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่ด้านทิศตะวันออก ซึ่งมีถนนภายในหมู่บ้านเป็นแนวคั่น ห่างกันประมาณ 70 เมตร ร้องเรียนไปที่ศาลปกครองหลายข้อหา ล่าสุดแจ้งว่า บุกรุกที่ทางหลวง โดยนำเจ้าหน้าที่ทางหลวงมาแจ้งให้รื้อถอนออกไป
“หากจะให้รื้อถอน ตนก็ยินดีให้ความร่วมมือด้วยดี แต่ขอโอกาสเตรียมการสักระยะ เพราะขณะนี้ยังไม่พร้อม เนื่องจากเร่งขายกุ้งขายปลาให้กับลูกค้าที่เดินทางกลับจากเที่ยวสงกรานต์ หากจะให้รื้อตอนนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะจะไม่มีบ่อพักกุ้งปลา และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า จะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะเหตุการณ์ที่ตนประสบอยู่นี้ ถูกกระทำอยู่ข้างเดียวและไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย เพราะความจริงในละแวกนี้มีร้านค้า ทั้งที่ทำเป็นเพิงชั่วคราวและถาวร ในแนวเขตเดียวกันหลายร้าน แต่ทำไมถูกสั่งให้รื้อถอนเฉพาะบ้านตนคนเดียว”
...
สำหรับ ข้อหาที่ ด.ต.คนดังกล่าว ได้ร้องเรียนมีหลายเรื่อง เช่น การซ่อมรถจักรยานยนต์เสียงดัง, ปล่อยน้ำเสียลงถนนสาธารณะ, ติดป้ายและปลูกต้นไม้ใหญ่บดบังทัศนะวิสัย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทางเทศบาลตำบลบัวบาน เจ้าหน้าที่จากอุตสาหกรรมจังหวัด ตำรวจ แขวงทางหลวง เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งก็ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบแล้ว ไม่ได้เป็นต้นเหตุสร้างมลภาวะ ตามที่มีผู้ร้องเรียนแต่อย่างไร แต่ก็ยังเดินหน้าร้องเรียนไปยังศาลปกครองอีกว่า ตนเองได้สร้างเพิงจำหน่ายกุ้งปลา บุกรุกเข้าไปในเขตถนนหลวง ให้รีบรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม นิติกร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จึงลงตรวจสอบอีกครั้ง กำหนดให้รื้อถอนในวันนี้ คือวันที่ 18 เม.ย. โดยนำเสาไม้มาปักเป็นแนวเขตไว้ 3 หลัก เป็นการปักเฉพาะบริเวณหน้าบ้านของตน ห่างจากขอบถนนหลวงเข้ามาประมาณ 15 เมตร

ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามสาเหตุที่บาดหมางใจกันมาก่อน ซึ่งพอจะรู้สาเหตุว่า มาจากการที่ตนซึ่งเป็นคนต่างถิ่น ได้เข้ามาทำงานรับจ้างปลูกข้าวโพดในหมู่บ้านนี้เมื่อประมาณปี 2550 ซึ่งตอนนั้นขาพิการจากอุบัติเหตุขับรถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ สมัยทำงานเป็น รปภ.ที่กรุงเทพฯ พอมารับจ้างที่นี่ก็ทนสู้ชีวิต เก็บเงิน จนเจ้าของที่ดินสงสาร จึงได้แบ่งที่ดินขายให้เป็นที่พักอาศัย เมื่อมีที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งสภาพเป็นแปลงนามีน้ำขัง จึงปรับพื้นที่โดยนำดินมาถม แต่ก็ถูกคนร้ายมาชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บปากฉีก ชาวบ้านจึงพาไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.นากุง และก็รู้ภายหลังว่า เป็นหลานชายของดาบตำรวจคนดังกล่าว แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความ ต่อมาเมื่อปรับพื้นที่เรียบร้อยจึงได้นำไม่ไผ่มาทำแนวรั้วชั่วคราว เพื่อแสดงเขตพื้นที่เหมือนที่ชาวบ้านทำกัน แต่ดาบตำรวจก็มาทักท้วงห้ามทำรั้ว เพราะจะเป็นการบุกรุกถนนสาธารณะ ตนจึงแย้งว่า ส่วนที่ตนวางแนวรั้วไม้ไผ่เป็นที่ดินของตนและไม่ได้ล่วงล้ำถนนเดิม จึงเป็นสาเหตุที่สร้างความไม่พอใจให้กับ และหาเหตุร้องเรียนตลอดมา
ด้านนายอำนาจ ป้านสุวรรณ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของหมวดพื้นที่แขวงทางหลวงอำเภอยางตลาด กรณีที่มีคำสั่งให้นายธวัชชัย รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เพิ่งได้รับรายงานเข้ามา ซึ่งจะลงพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตให้ละเอียดอีกครั้ง ถ้ามีการบุกรุกจริง ก็จะให้มีการรื้อถอน แต่จะให้โอกาสตามความเหมาะสม และให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ส่วนการสอบแนวเขตในละแวกเดียวกัน หรือ ในรายอื่นๆ ตามแนวทางปฏิบัติก็จะต้องทำอยู่แล้ว หากมีผู้ร้องเข้ามาหรือมีพบว่า มีการบุกรุก ไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนประเด็นที่ว่า จะให้รื้อถอนวันที่ 18 เม.ย.หรือไม่อย่างไรนั้น ก็จะได้พิจารณาและดูความเหมาะสมว่า มีเจตนาหรือมีสิ่งปลูกสร้างถาวร หรือไม่ เพราะโดยทั่วไป ประชาชนที่มีที่ดินติดกับแนวเขตทางหลวง ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น ทำนา ปลูกพืชผัก ยกเว้นการปลูกสร้างวัตถุถาวร หรือทำให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ หากจำเป็นต้องตรวจสอบแนวเขตใหม่ หรือ สั่งให้มีการรื้อถอนประการใด หากมีผู้ร้องเข้ามา ก็จะต้องทำตลอดแนว ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน