ชรบ.หมู่บ้าน ที่ชายแดน นำหลักฐานร้องศูนย์ดำรงธรรม อ้างผู้ใหญ่บ้านหักค่าเบี้ยเลี้ยง ที่รัฐบาลอนุมัติจ่าย จากคนละ 3,600 บาท เหลือคนละ 300 อ้างเป็นค่าจัดชุด-อบรม ทยอยคืนปืน ลาออกแล้ว 8 นาย อีกฝ่ายยังไม่สะดวกให้ข้อมูล

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 68 ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ (ชรบ.) หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลายนาย ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนและดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้นำหลักฐานสลิปการเบิกถอนเงิน คลิปวิดีโอขณะนำเงินเบี้ยเลี้ยงที่รัฐบาลอนุมัติจ่ายเป็นค่าตอบแทนความเสียสละ และเป็นขวัญกำลังใจคนละ 3,600 บาท ไปจ่ายให้กับผู้ใหญ่บ้านที่เรียกเก็บ เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ และร้องนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง

โดยอ้างว่าได้ถูกผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บเงินเบี้ยเลี้ยงจาก ชรบ. ในหมู่บ้านที่มีอยู่ 18 นาย คนละ 3,600 บาท อ้างว่าจะนำไปจ่ายค่าตัดชุด ชรบ. และจ่ายค่าฝึกอบรม เหลือคืนให้คนละ 300 บาท  สร้างความแปลกใจและไม่พอใจให้กับ ชรบ. เพราะมองว่าที่ผ่านมาได้อาสาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านด้วยความเสียสละ ทั้งเวลาส่วนตัวที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว และควักเงินตัวเองเติมน้ำมันรถเวลามีภารกิจต่างๆ ไม่เคยเรียกร้องอะไรและไม่เคยได้ค่าตอบแทน มีเพียงชุดในการปฏิบัติหน้าที่และอาหารให้เวลาทำภารกิจเท่านั้น  

แต่ช่วงที่เกิดการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา รัฐบาลพิจารณาอนุมัติเงินเบี้ยเลี้ยงเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ ชรบ. วันละ 240 บาทรวม 15 วัน ซึ่งจะได้รับคนละ 3,600 บาท แต่กลับมาถูกผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บ อ้างว่านำไปจ่ายค่าตัดชุด และค่าฝึกอบรม ทั้งที่ส่วนใหญ่มีชุดอยู่แล้ว และการฝึกอบรมที่ผ่านมาก็ไม่เคยถูกเรียกเก็บ จึงมองว่าไม่มีความเป็นธรรม ทำให้เสียความรู้สึก จึงได้ทยอยนำปืนไปส่งคืนและลาออกจากการเป็น ชรบ. แล้ว 8 นาย     

...

ตัวแทน ชรบ.อำเภอบ้านกรวด 2 นาย ที่ตัดสินใจลาออก เผยว่า มาเป็น ชรบ. ไม่น้อยกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาภาครัฐจะมีชุดให้ฟรี ฝึกอบรมก็ไม่เคยได้จ่ายเงิน และเวลามีภารกิจที่ต้องร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ก็จะมีข้าวกล่องให้ เพราะ ชรบ. ไม่มีเงินเดือนและค่าตอบแทนใดๆ ทำงานด้วยความเสียสละเพื่อดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านของตัวเอง ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรเพราะเข้าใจว่าเป็นอาสา แต่เมื่อรัฐบาลเห็นความสำคัญในความเสียสละ จึงได้อนุมัติเบี้ยเลี้ยงให้ในช่วงที่เกิดความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา คนละ 3,600 บาท รู้สึกดีใจเพราะถือเป็นขวัญกำลังใจในความเสียสละ เนื่องจากตอนอพยพก็ต้องอยู่เฝ้าหมู่บ้าน เข้าเวรลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ ถือเป็นความภาคภูมิใจ แต่พอได้รับเบี้ยเลี้ยงครั้งแรกกลับถูกเรียกเก็บเกือบหมด เหลือคืนให้คนละ 300  บาท ก็เสียความรู้สึก จึงตัดสินใจลาออก และอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ที่ถูกกล่าวหา แต่ไม่เจอตัวเนื่องจากไปประชุม  จึงได้โทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูล

ขณะที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด บอกว่า ได้ส่งเรื่องให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ได้แจ้งเรื่องกลับมา