"พล.ท.บุญสิน" กลับลำ ไม่มีสายตรงฝ่ายการเมือง แทรกแซงสั่งให้หยุดยิง แจงเป็นแค่การหารือ ขออย่านำมาเป็นประเด็น ลั่นเตรียมเอาแผ่นดินไทยคืนจริง แต่จังหวะไม่เหมาะจนกระทั่งเกษียณ

วันที่ 10 พ.ย. 68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบกและอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงประเด็นที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า มีบุคคลโทรศัพท์สายตรงให้หยุดยิงในช่วง 6 ชั่วโมงแรก ที่มีการปะทะกันในวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า เป็นความเข้าใจผิด ไม่ได้มีเรื่องการหยุดยิง แต่เป็นการโทรศัพท์ประสานงานกัน สอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้มีฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงสั่งการให้หยุดยิงแต่อย่างใด

พล.ท.บุญสิน ยังอธิบายเพิ่มเติม เรื่องคำสั่งหยุดยิงในวันที่ 24 ก.ค. 68 ว่า มันไม่ใช่คำสั่งหยุดยิง แต่เป็นเรื่องของสถานการณ์พาไป และเป็นการพูดคุยหารือกันเท่านั้น การปะทะวันแรกเป็นเรื่องที่เขาปิดปราสาทตาเมือนธม แล้วก็ทหารกัมพูชายิงไทยก่อนทางด้านปีกซ้ายเลย นำมาซึ่งการปะทะทั่วทั้งแนวชายแดน และเป็นแผนที่จะทวงคืนแผ่นดิน หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงในชีวิตของกำลังพล มีการหารือกันทุกวัน แต่ไม่ได้เป็นคำสั่งให้หยุดยิง แต่เป็นคำสั่งที่รู้สึกเป็นห่วง ไม่มีผู้บังคับบัญชาท่านใดสั่งให้หยุดยิง เพียงแต่มีการหารือว่าเป็นอย่างไรบ้างว่าไหวไหม แต่จะมีคำสั่งอย่างชัดเจนให้หยุดยิงในวันที่ 28 ก.ค. จึงไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นอะไร อยากจะฝากไปถึงประชาชนว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ในห้วงของการรบนั้นทำอย่างเต็มความสามารถ จึงขอชื่นชมผู้บังคับบัญชาทุกท่าน รวมถึงกองทัพและน้องๆ ทหารทุกคน

เรื่องนี้คุยกับกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคง วุฒิสภาว่า จะเข้าไปชี้แจงด้วยตัวเอง โดยเป็นการไปชี้แจงเรื่องทั่วไปที่อยู่ในเอกสาร ซึ่งตนได้คุยกับคณะ กมธ.ทหารแล้ว ยินดีที่จะไป แต่เดี๋ยวให้ว่างเว้นภารกิจก่อน ตนจะไปชี้แจงสถานการณ์จริงในห้วงที่ทำหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ที่คณะกรรมาธิการอยากจะทราบ ร่วมกันแก้ปัญหาของประเทศชาติตามแนวเส้นเขตแดนต่อไป

...

ส่วนประเด็นที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม บอกว่า ก่อนเกษียณ พล.ท.บุญสิน จะเอาแผ่นดินที่เหลือคืน แต่ก็ไม่เห็นดำเนินการใด จนเกษียณไป พล.ท.บุญสิน ชี้แจงว่า ตนเองก็เตรียมจะเอาคืนในช่วงเดือน ก.ย.จริง เพราะเป็นหน้าที่ของทหารอยู่แล้ว มีการเตรียมการที่จะเอาคืนทุกอย่าง แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น มีการประชุม UN ถือว่ายังไม่เหมาะสมเอื้อต่อการเอาคืน ทำให้ลากยาวมาถึงช่วงเกษียณพอดี  ก็ขอให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพี่ๆ น้องๆ ที่ยังรับราชการต่อ ในการดำเนินการทวงคืนแผ่นดินในส่วนที่เหลือ เช่น ปราสาทตาควาย และพื้นที่อื่นๆ   

สำหรับความตึงเครียดตามแนวชายแดนในวันนี้ ตนเองฝากเป็นกำลังใจให้น้องทหารทุกนาย รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ขอให้พิจารณาอย่างท่วงที และเป็นกำลังใจให้ในการปฏิบัติ และแนวทางที่จะตอบโต้ต่อไป จะเริ่มจากการประท้วงหรือจะอย่างไร ก็คงเป็นฝ่ายความมั่นคง, รัฐบาล ร่วมกับกองทัพ ที่จะตอบโต้ตามสมควรจากเบาไปหาหนัก เนื่องจากว่าขาดข้อตกลงที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามกันไว้เรื่องการวางระเบิดและเก็บกู้ระเบิด เป็นกำลังใจให้น้องทุกท่านมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินและประเทศชาติต่อไป

สำหรับพื้นที่ห้วยตามาเรียนั้น ได้เข้าเคลียร์ระเบิดแล้วทุกจุด เพราะหลังจากฝ่ายไทยเข้าไปควบคุมพื้นที่แล้ว ก็ไม่มีความมั่นใจในทุกพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ใหม่ที่ไทยได้เข้าไป ส่วนจะเป็นระเบิดใหม่หรือเก่านั้น ก็ต้องให้กองทัพออกมาชี้แจง แต่ที่ชัดเจนเลย คือ ผิดเงื่อนไข แทนที่ฝ่ายกัมพูชาจะมาเป็นฝ่ายเก็บกู้เอง กลายเป็นว่าฝ่ายไทยต้องไปเก็บกู้ให้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อตกลงที่ต้องให้ฝ่ายกัมพูชามาร่วมมือกันเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรงนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ฝ่ายไทยควรประท้วง ขอแสดงความเสียใจกับน้องทหาร 2 นายที่ปฏิบัติหน้าที่

สำหรับเรื่องการถอนอาวุธหนักในพื้นที่ เป็นไปตามข้อตกลงโดยสองฝ่ายถอนอาวุธหนักตามที่กองทัพได้ออกมาชี้แจงแล้ว ก็มุ่งมั่นว่าขอให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงสันติภาพกัน

ส่วนที่ปราสาทตาเมือนธม มีเสียงปืนเล็ก มีเสียงดังมาจากทางฝั่งของกัมพูชา ต้องขึ้นอยู่กับทางทหารกัมพูชาว่าจะอย่างไรต่อ ส่วนตัวก็ขอให้กองทัพได้ออกมาชี้แจงว่ามีข้อมูลและข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ากัมพูชายิงมาทางฝั่งไทย มันก็จะผิดเงื่อนไข ไทยก็ต้องพร้อมที่จะตอบโต้ ซึ่งก็พร้อมอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาตอนนี้