"พลโทบุญสิน" บรรยายพิเศษที่นครราชสีมา ยืนยันมีการทวงคืน "ปราสาทตาควาย" แน่นอน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและกองทัพ เผยโอกาสรบ "กัมพูชา" รอบใหม่
วันที่ 7 พ.ย. 68 พลโทบุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก เดินทางไปยังโรงเรียนเสิงสาง ภายในเขตเทศบาลตำบลเสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เพื่อบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ "เรื่องเล่าจากแนวหน้า และการรักษาอธิปไตยของชาติ" ให้กับทางคณะครูและนักเรียน รวมถึงประชาชนที่สนใจ ภายในบริเวณโดมของโรงเรียน โดยมีเด็กนักเรียน ครู และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังการบรรยายมากกว่า 1,000 คน
ในการบรรยายวันนี้ พลโทบุญสิน ได้มาพูดถึงความเป็นไปเป็นมา และเรื่องราวเหตุการณ์สู้รบแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ในห้วงที่ผ่านมา พร้อมกับย้ำให้ทุกคนจดจำวีรกรรมของเหล่าทหารทุกนายที่เสียสละชีวิตต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศในครั้งนี้ เช่นเดียวกันกับเหล่าทหารกล้าและพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ที่ได้ทรงเสียสละปกป้องแผ่นดินไทยมาจนถึงทุกวันนี้
พร้อมกับตอบคำถามให้กับเด็กนักเรียนที่ส่วนใหญ่จะสอบถามถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปรวมถึงจุดสิ้นสุดของปัญหาเรื่องชายแดนไทย - กัมพูชา ทางพลโทบุญสิน ตอบคำถามว่า เหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย - กัมพูชาในครั้งนี้ ตัวเองคิดไว้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามารับตำแหน่งแล้วว่า อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตัวเองเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 เพราะทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งและทะเลาะกันเรื่องเส้นเขตแดนอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะช่วงของการรับส่งหน้าที่ ก็ได้รับทราบว่ามีกำลังทหารของฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาตั้งฐานอยู่ในเขตของไทย สร้างความไม่สบายใจให้กับตัวเองมาโดยตลอด กระทั่งตัวเองได้ทำหน้าที่ตามที่ตัวเองอยากจะทำแล้ว ในวันที่ 24 – 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลที่เพียงพอ เพราะฉะนั้นคิดเห็นว่าถ้าผู้นำของกัมพูชา ยังไม่เปลี่ยนแนวความคิด ยังเป็นคนนี้อยู่ มันจะมีโอกาสที่จะเกิดความทะเลาะเบาะแว้งกันได้อยู่เรื่อยๆ ถ้าเขายังไม่เปลี่ยนนิสัย ไม่เกี่ยวกับคนไทย เพราะคนไทยหากพูดดีก็ได้อยู่แล้ว แต่หากหาเรื่องเราก็พร้อม นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าตัวเองคิดยังไงกับเหตุการณ์แนวชายแดนไทย - กัมพูชาในตอนนี้ เหตุการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาตอนนี้ยังไม่ปกติ เราจึงต้องเตรียมพร้อม
...
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุการณ์นี้จะสงบลงได้ไหมนั้น ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้นำกัมพูชาเอง ไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมของรัฐบาลหรือทางกองทัพไทยว่าจะยังคงหาเรื่องอย่างที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะหากทำพฤติกรรมอย่างเดิมอีกก็คงต้องรบกันอีก เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังมีโอกาส 50 : 50
นอกจากนี้ พลโทบุญสิน ยังได้ตอบคำถามที่ทางเจ้าหน้าที่ธุรการของโรงพยาบาลพนมดงรักษ์ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ถูกระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ถึงการทวงคืนปราสาทตาควาย หลังจากที่มีทหารกัมพูชาเข้าไปตั้งฐานอยู่ในตอนนี้ โดยทางพลโทบุญสิน ตอบว่า ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันในส่วนของปราสาทตาเมือนธม เป็นของไทย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับปราสาทตาควาย ก่อนหน้านี้ทางกัมพูชาได้สร้างฐานทหารอยู่ใกล้ตัวปราสาทมาก และช่วงเกิดสถานการณ์ทางฝ่ายไทยจำเป็นต้องเอากำลังที่เคยประจำจุดนี้ ไปยึดภูมะเขือที่พื้นที่ประมาณ 2 ตารางกิโลเมตรก่อน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เยอะมาก จากนั้นก็วางแผนจะย้อนกลับมายึดปราสาทตาควาย แต่ปรากฏว่าไม่ทันเวลา เพราะมีการประกาศหยุดยิง จึงทำได้เพียงแต่วางกำลังประกบเอาไว้ ในขณะที่ทางในฝั่งของกัมพูชาวางกำลังทหารอยู่ในตัวปราสาท ส่วนเราอยู่ห่างออกมาประมาณ 30 เมตร ซึ่งอยู่ในระยะพร้อมยิงแล้ว และตอนนั้นก็ยังถือว่าอยู่ในแผนที่จะเดินหน้าเอาคืนปราสาทตาควาย แต่ตัวเองต้องเกษียณอายุราชการเสียก่อน ประกอบกับตอนนั้นอยู่ในช่วงที่จะมีการประชุม UN ด้วย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเดินแผนทวงคืนได้ เนื่องจากหากฝืนทำก็จะเป็นการขัดข้อตกลง และจะทำให้ฝ่ายกัมพูชานำไปเป็นเหตุผลในการร้องเรียนกับทาง UN ได้
และตอนนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ยังมีแนวความคิดเหมือนตัวเอง แต่หลังจากนี้ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลและทางกองทัพของเราเองว่าจะดำเนินการทวงคืนอย่างไร ยืนยันว่าจะต้องทวงคืนแน่นอน รวมถึงพื้นที่อื่นๆที่เป็นของไทย ส่วนตัวเองก็จะยังคงเป็นกำลังใจพี่น้องเหล่าทหารที่ยังทำหน้าที่อยู่ รวมถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นด้วย