ชายวัย 62 ปี เมาคว้าปืนง้อเมียหลวงถึงบ้าน อ้างเคยบอกหลังเกษียณจะกลับมาอยู่ด้วย เพราะก่อนหน้าไปใช้ชีวิตกับกิ๊ก 52 คน ใน 52 ชุมชน ตำรวจและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าระงับเหตุ

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ร.ต.อ.ณัฐวัตร ลัดดาวัลย์ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ ผัวเมาถือปืนไปง้อเมียที่แยกทางกันมาประมาณ 3-4 ปี แต่เมียไม่ยอมคืนดี เกรงว่าจะได้รับอันตราย  เหตุเกิดบ้านหลังหนึ่งใน ต.หนองนาคำ จึงนำกำลังสายตรวจ 191 ตำรวจชุมชนตำบลหนองนาคำ พร้อมด้วย นายศรนรินทร์ วงศ์อนุ สจ.อุดรธานี เขต 6 ไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว 2 หลัง หลังเกิดเหตุเปิดเป็นร้านขายของชำ พบนางพิสมัย คำมุกชิก อายุ  59 ปี เจ้าของบ้านให้ข้อมูลว่า นายประยงค์ คำมุกชิก อายุ 62 ปี อดีต พนง.ขับรถเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นอดีตสามี มีลูกด้วยกัน 3 คน แต่แยกทางกันแล้ว 3-4 ปี  เพราะว่านายประยงค์เป็นคนเจ้าชู้ มีเมียน้อยจำนวนมาก จึงได้แยกทางกัน นายประยงค์ไปอยู่บ้านอีกหลังที่บ้านหนองใส ต.หนองนาคำ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า วันนี้นายประยงค์เมาแล้วถือปืนมาข่มขู่จะมาขอคืนดี จะกลับมาอยู่บ้านด้วย แต่ตนไม่ยอม ไม่ขอคืนดี ตนจึงแจ้งตำรวจ

นางพิสมัย เล่าอีกว่า ตอนนายประยงค์ออกไปอยู่กับเมียใหม่ ก็ขอโอกาส 4 ปี เกษียณจะกลับมาขออยู่ด้วย และนายประยงค์ ก็กลับมาจริงๆ แต่ตนให้โอกาสทดลองอยู่ก่อน 3 เดือน แต่มีเงื่อนไขว่าต่างคนต่างอยู่ มีข้อแม้ว่า 1.ไม่ทำอาหารให้กิน ถ้าหิวให้ไปหาทำกินเอง 2.ไม่ซักผ้าให้ นายประยงค์อยู่ได้แค่ 3 วัน ก็หนีไป 3-4 วันก็กลับมา เมาอาละวาด อ้างว่าบ้านกู พอตนออกไปดูหมอลำกับลูกหลาน ไม่ได้ไปกับชู้หรือผู้ชายตามที่ถูกกล่าวหา พอกลับมาบ้านก็โดนด่าว่า ถ้าไม่อยากอยู่บ้านก็จะเอาไฟเผาทิ้ง เมื่อทำตามข้อตกลงไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่ หรือหากจะหย่า ก็พร้อม แต่จะแบ่งบ้านคนละ 2 หลัง และตนจะอยู่บ้านสองหลังนี้

...


นางพิสมัย เล่าอีกว่า วันนี้ไปทำบุญทอดกฐินที่วัด กลับมาพบอดีตสามีเมานอนอยู่นอกบ้าน จึงถามว่าทำไมมานอนที่นี่ ใครพามา พูดแค่นี้ก็โวยวายอาละวาดว่าบ้านกู ตนก็เลยหนีเข้าไปอยู่ในบ้านเพราะกลัว ไม่เคยโวยวายหรือตอบโต้ ไม่เคยเอาเรื่อง ถ้าจะหย่าก็ยินดี แต่เขาจะแบ่งครึ่งบ้านสองหลังนี้ไม่ได้ ตนไม่ให้บ้านสองหลังนี้ ตนจะอยู่กับลูก ให้เขาไปอยู่ที่บ้านหนองใส ซึ่งมีบ้าน 2 หลังเท่ากัน ทำให้ตกลงกันไม่ได้

"จะไม่คืนดี เพราะมาทุกครั้งจะโวยวายจะฆ่าจะแกง หาว่ามีชู้ ทั้งที่ตัวเองเป็นก่อน ทิ้งเมียกับลูกไปอยู่กับเมียน้อยนาน 4 ปี แต่พอจะกลับมาขอเมียคืนดี ก็ต้องคลานมาจากบ้านที่หนองใส แม้จะไกลแค่ไหนก็ต้องคลานมา 10 กม. ก็ต้องทำ แต่นี่มาขอคืนดีกับเมีย กลับมาด่า พูดแบบนี้หรือจะมาคืนดีกับเมีย”

ด้านนายประยงค์ ยอมรับว่า ตนไปดื่มเหล้าในงานบุญที่วัดบ้านดอนภู่ จึงมีอาการมึนเมา ยอมรับว่าเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ได้มีเมียน้อยแต่ตนมีแค่กิ๊ก เทศบาลนครอุดรธานีมี 52 ชุมชน ตนก็มีกิ๊กทั้ง 52 ชุมชน ถ้ามี 100 ชุมชน ตนก็จะมีกิ๊ก 100 คน แต่ตอนนี้เขาเลิกไปหมดแล้ว ล่าสุดตนขอแยกทางกับเมียไปอยู่กับกิ๊ก 4 ปี และวันนี้จะขอกลับมาอยู่กับครอบครัว อยู่กับลูกกับเมีย แต่เมียไม่ยอมคืนดี เขาให้ตนไปนอนอยู่ริมถนน เขาบอกว่าจะเอาตนกลับคืนมาทำไม เขาพูดเหมือนตนเป็นหมา ตนเห็นปืนวางอยู่ไม่รู้ว่าปืนใคร จึงถือปืนมาขู่เมียเท่านั้น ไม่ได้ยิงหรือทำร้าย


ด้านนายศรนรินทร์ วงศ์อนุ อายุ 43 ปี สจ.อุดรธานี เขต 6 เล่าว่า ตนได้รับแจ้งว่าผัวอาละวาดเมีย มีอาวุธปืน เป็นปืนจริงแต่เก่าแล้ว รอบแรกเมียเคยแจ้งตนว่าผัวมาอาละวาดตอนกลางคืน ไม่ได้หลับได้นอน ซึ่งมันดึกมากแล้ว จึงบอกให้เมียแจ้งตำรวจ วันนี้ก็ได้รับแจ้งจากตำรวจให้มาดูเหตุทะเลาะวิวาท เป็นเรื่องผัวเมียเลิกรากันหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า ผัวอยากได้สมบัติคืน แต่เมียไม่ยินยอม จึงจะขอหย่าและแบ่งสมบัติ แต่เมียไม่ยอมให้ จะเป็นเหตุคาราคาซังเช่นนี้ตลอดถ้าไม่มีการแก้ไข

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหานายประยงค์ "เมาเหล้าประพฤติตนวุ่นวาย" ควบคุมตัวและอาวุธปืนสั้นไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก ส่วนอาวุธปืนสั้นตำรวจจะได้ตรวจสอบว่า ยังใช้การได้หรือไม่ เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินการต่อไป ซึ่งนายประยงค์ได้ยกมือไหว้นางพิสมัย ขอบคุณที่แจ้งตำรวจมาจับ