ครอบครัวสุดเศร้า รอรับศพ "สนธยา อัครศรี" แรงงานชาวไทยที่เสียชีวิตจากเหตุสงครามอิสราเอล-ฮามาส ยอมรับความหวังพังทลาย เฝ้ารอลูกชายกลับบ้านกว่า 2 ปี หลังถูกจับเป็นตัวประกัน
วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่อิสราเอลเผยแพร่ข่าว ได้รับศพตัวประกันชาวไทย 1 ราย จากการพิสูจน์อัตลักษณ์ พบเป็นศพของนายสนธยา อัครศรี อายุ 30 ปี ชาวบ้านโคกม่วย หมู่ที่ 3 ต.บ้านพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในประเทศอิสราเอล จากการเกิดเหตุสงครามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 นั้น
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านโคกม่วย หมู่ที่ 3 ต.บ้านพร้าว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู พบกับ นายนิพนธ์ และนางอมร อัครศรี พ่อแม่ของนายสนธยา อัครศรี โดยยังได้พบกับญาติ และเพื่อนบ้านหลายคนกำลังพูดคุยให้กำลังใจกับครอบครัวอัครศรี
โดยนางอมร แม่ของนายสนธยา ผู้เสียชีวิต เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า บรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ทั้งดีใจและเสียใจ ดีใจที่จะได้ศพลูกกลับมาเสียที เพราะคิดว่าตลอดเวลาที่ถูกจับ คงได้รับความทุกข์ทรมานมาก เมื่อตายไปก็ถือเป็นการพ้นเคราะห์ แต่เสียใจที่ลูกต้องมาจากไป เพราะตลอดเวลาที่ถูกจับรวมเวลา 2 ปี กับ 13 วัน ตนยังมีความมั่นใจเสมอว่า ลูกของตนจะได้กลับมา แม้เมื่อปีที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่มาเก็บดีเอ็นเอไปเปรียบเทียบกับศพแรงงานที่พบ ตนก็ยังมีความหวังว่าลูกจะไม่เป็นอะไร เพราะคิดว่าลูกดวงแข็ง ทั้งไม่มีอะไรเป็นลางบอกเหตุเลยว่าลูกชายของตนจะเสียชีวิตแล้ว
...
ยิ่งต่อมา กลุ่มแรงงานคนไทยชาวจังหวัดหนองบัวลำภูหลายคนที่อยู่แคมป์เดียวกันถูกจับไปพร้อมกัน แต่แยกกันอยู่ ต่างก็ทยอยเดินทางกลับมาตัวเป็นๆ ทุกคน ตนก็ยิ่งมีความหวังสูงว่าลูกจะได้รับการปล่อยตัว แต่ทันทีที่รับโทรศัพท์เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้รับศพของลูกชายตน จากกองกำลังฮามาสแล้ว ความหวังทั้งสิ้นก็พังทลายลง สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้ตนกับนายนิพนธ์พ่อของลูกอย่างยิ่ง เมื่อคืนนี้ตนกับนายนิพนธ์ นอนไม่หลับเลย เพราะผิดหวังกับความคาดหวัง ที่ลูกจะได้กลับมาตัวเป็นๆ
นายนิพนธ์ผู้เป็นพ่อเล่าว่า เวลาที่ลูกชายถูกจับ ตนได้ทำทุกอย่าง ทั้งบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใดว่าศักดิ์สิทธิ์ตนไปหมด ไปกราบไหว้พระธาตุพนม ทำบุญห่มผ้าองค์เจดีย์พระธาตุพนม ข้ามไปฝั่งลาวไปบูชาเจดีย์ศรีโคตรบูรณ์ กระทั่งปีที่แล้ว ยังตั้งกองกฐินใหญ่เพื่อหวังต่ออายุให้ลูกชายได้กลับมาพบหน้าตน และครอบครัว แต่ถึงวันนี้ไม่มีความหวังอีกแล้ว
นางอมร เล่าอีกว่า ไม่ได้พบลูกชายมา 7 ปีเศษแล้ว เพราะก่อนหน้าเกิดเหตุ ก็ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลกว่า 5 ปี กำลังสิ้นสุดสัญญา ก็มาถูกจับเป็นตัวประกันไป 2 ปีเศษ ตอนที่ลูกชายไปทำงานใหม่ๆ นั้น น้องไข่มุก หลานสาวของตน ซึ่งเป็นลูกสาวของนายสนธยา กับภรรยาคนบ้านเดียวกันที่เลิกร้างกันไป เพิ่งอายุได้ 1 ปี กับ 2 เดือน จนตอนนี้น้องไข่มุกอายุ 8 ปีเศษแล้ว ตนแค่ได้พูดคุยกับลูกชายผ่านวิดีโอแชทเท่านั้น
นายนิพนธ์ เล่าเสริมว่า ถึงตอนนี้ยังไม่ได้จัดเตรียมพิธีศพแต่อย่างใดเลย รอให้ศพลูกชายมาถึงก่อน ตนจะจัดงานตามประเพณี โดยการฌาปนกิจ และทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าศพจะมาถึงตอนไหน เพราะจากการโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ที่แจ้งมา ก็บอกว่าให้รอ 2-3 วัน หากศพมาถึงกรุงเทพ จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขอให้ครอบครัวรออยู่ที่บ้าน จะดำเนินการจัดส่งศพจนถึงมือครอบครัว
พ่อกับแม่ของนายสนธยา ยังเล่าว่าไม่มีนิมิตสังหรณ์อะไรเลย ว่าลูกชายจะกลับมา จนพอได้รับข่าวก็ทำใจไม่ได้กะทันหันไปหมด
ทั้งนี้ นางอมร ยังเล่าว่า เมื่อวานนี้หลานชายทำงานอยู่ที่กรุงเทพ โทรศัพท์มาหาด้วยน้ำเสียงร้อนรนช่วงเช้าว่า ฝันว่าที่บ้านจัดงานบวช เหมือนเป็นลางสังหรณ์ จึงโทรมาถามว่ามีใครเป็นอะไรหรือไม่ ตนก็บอกว่าไม่มีใครเป็นอะไรสบายดีทุกคน ไม่นึกว่าช่วงบ่ายมาทางเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งเรื่องศพลูกชาย ตนถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก มานึกขึ้นทีหลังว่าหลานชายฝันแม่นจริงๆ นางอมรยังบอกว่า หากศพมาถึงวันไหนจะแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบอีกที.