ผอ.สำนักศิลปากรที่ 10 ตรวจสอบโบราณวัตถุปราสาทคันนา ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมสมัยพุทธศตวรรษที่ 15-16 หรือเก่าประมาณ 900 ปี ที่ถูกนำมาเก็บไว้ที่วัดตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ชาวบ้านวอนสร้างกำแพงกั้นชายแดนเพื่อลูกหลานในอนาคต
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา พร้อมด้วยร้อยตำรวจเอกอัคคภาคย์ เที่ยงธรรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแนงมุด นายสมเดช ลีลามโนธรรม ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี นายนภสินธุ์ บุญล้อม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ตลอดจนผู้นำชุมชน และชาวบ้านแนงมุด ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบโบราณวัตถุที่ถูกเคลื่อนมาจากปราสาทคันนา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ปราสาทคนา เมื่อปี 2515 ปัจจุบันเก็บรักษาภายในวัดบ้านแนงมุด ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบโบราณวัตถุ ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม อาทิ เสาประดับกรอบประตู และชิ้นส่วนหน้าบันและโบราณวัตถุประเภทฐานรูปเคารพ ช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 15-16 หรือประมาณ 900 ปี
นายเลื้อย เรืองกระจาย อายุ 70 ปี ชาวบ้านแนงมุด หนึ่งในผู้ที่ช่วยกันขนหินสลักจากปราสาทคันนา มาไว้ที่วัดบ้านแนงมุด ช่วงที่บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัด ให้ข้อมูลว่า ช่วงนั้นประมาณปี พ.ศ.2515 ตนบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดนี้ หลวงพ่อได้ให้ไปช่วยขนขึ้นรถมาจากปราสาทคันนา ไปก็เห็นสภาพเป็นซากปรักหักพังแบบนี้อยู่แล้ว ที่ขนมามีเสากับฐานรูปเคารพ ส่วนทับหลังมีขนาดใหญ่เอามาไม่ได้ ส่วนตัวปราสาทสภาพไม่เหมือนอย่างที่เป็นข่าว พังเรียบไปหมดแล้ว มีเพียงเสาตั้งอยู่สองต้นมีคานอยู่คานเดียว เอามาเท่าที่ยกขึ้นรถมาได้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าที่ปราสาทอีกเลย
...
โดยนายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เปิดเผยว่า โบราณสถานมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ โดยสภาพทั่วไปหากไม่มีปัญหาก็ไม่ควรที่จะเคลื่อนย้ายออกมา แต่ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องในอดีตแล้ว ก็อยากจะประชาสัมพันธ์ให้ได้รับทราบ แต่ในอดีตด้วยความเป็นห่วงศิลปวัตถุโบราณของคนในพื้นที่ ก็มีการเคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ มองว่าเป็นเจตนาดี
ในส่วนของสำนักศิลปากรที่ 10 ได้รับแจ้งครั้งแรกเมื่อปี 2544 โดยทางตำรวจตระเวนชายแดน จากนั้นทางสำนักโบราณคดีได้เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ แล้วทำเป็นรายงานเบื้องต้นไว้ ในขณะที่สำรวจก็มีประเด็นเรื่อง MOU เกิดขึ้น ทำให้ไม่สามารถเข้ามาดำเนินการต่อได้ เหมือนกับปราสาทตาเมือนธม จึงหยุดอยู่แค่นั้นและไม่ได้ดำเนินการต่อ วัตถุโบราณที่พบเป็นเสาประดับกรอบประตูที่บ่งบอกหรือเป็นเอกลักษณ์ว่าเป็นชิ้นส่วนจากปราสาทคันนาก็คือลวดลายของเสากรอบประตู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตัวประกอบปราสาทหรือตัวสถาปัตยกรรมโบราณของปราสาท หลักๆ ก็จะเป็นทับหลัง เสาประดับกรอบประตู ส่วนเหล่านี้บางทีเมื่อเสื่อมสภาพจากสาเหตุธรรมชาติก็จะหลุดออกมา ซึ่งจะเห็นได้จากลวดลายโบราณที่อยู่ในตัวเสา
ส่วนพื้นที่ของปราสาทคันนา ข้อมูลในขณะที่ได้ไปสำรวจตอนนั้นอยู่ในดินแดนของประเทศไทย แต่หลังจากเกิดความขัดแย้งกัน ก็ต้องไปถามทางฝ่ายความมั่นคงทางทหารว่าจะอย่างไร แต่จากที่เราดูจากข้อมูลแผนที่ต่างๆ ที่เรามี ปราสาทอยู่ในเขตประเทศไทยแน่นอน โดยปราสาทคันนาจริงๆ แล้ว เป็นปราสาทขอมโบราณ ซึ่งปราสาทโบราณแถวนี้น่าจะอยู่ราวพุทธศตวรรษที่ 15-16 หรือ 900 ปีประมาณนั้น แต่ต้องไปดูอย่างอื่นประกอบด้วย โดยจะมอบหมายให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ ดำเนินการจัดทำทะเบียนโบราณวัตถุต่อไป
นางรุ่งนภา บึงจันทร์ อายุ 57 ปี ชาวบ้านโคกเบง อดีต ส.อบต.บอกว่า เมื่อปี 45 ทาง อบต.แนงมุด ได้จัดโครงการเข้าไปสำรวจปราสาทคันนา เพื่อที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สภาพตอนนั้นก็ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่ แต่ซากปรักหักพังก็มีให้เห็น ช่วงนั้นชาวบ้านก็ยังสามารถเข้าไปได้อยู่ ส่วนมากจะเป็นคนที่ไปหาของป่าล่าสัตว์ และช่วงนั้นยังไม่มีชาวกัมพูชาเข้ามา การเดินทางตอนนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร พื้นที่บริเวณปราสาทกว้างใหญ่พอสมควร สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ หลังสำรวจเสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรต่อเพราะเป็นเขตของอนุรักษ์ และยังมีในเรื่องของความปลอดภัยเกี่ยวกับทุ่นระเบิดด้วย
...
อย่างไรก็ตาม ความหวังของชาวบ้านคืออยากจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว พอได้ข่าวว่าตอนนี้ทางกัมพูชาเข้ามาก็รู้สึกเสียดาย จริงๆ ถ้าเขาแบ่งตามเขตสันปันน้ำหนองคันนา คือเขตฝั่งของเรา มองลงไปด้านล่างฝั่งเขาจะเป็นหน้าผาสูง และจะมีจุดส่องสัตว์ช่วงกลางคืนเวลาสัตว์เข้ามากินดินโป่ง ในฐานะคนในพื้นที่ก็อยากได้พื้นที่ของเราคืน และอยากให้มีการแบ่งเขตกันให้ชัดเจน ทำรั้วทำกำแพงไปเลย คือเราไม่ได้ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับเขา เพียงแต่เราแบ่งให้เป็นสัดส่วนชัดเจน ฝั่งเราฝั่งเขาไปเลย คนรุ่นลูกรุ่นหลานในวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมาลำบากอีก เพราะถ้าอยู่แบบนี้ ไม่มั่นใจว่าเขาจะขยับเข้าอีกไหม เราก็กลัวเสียปราสาทและพื้นที่อื่นๆ ไปด้วย
นายวีรวัฒน์ พันธุ์ศิลป์ อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านแนงมุด บอกว่า ตอนนี้มีบางเพจลงข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับปราสาท ว่า ปราสาทคันนายังสมบูรณ์อยู่ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ ตัวปราสาทคันนาผุพังมาหลายสิบปีแล้ว เห็นเมื่อ 40 ปีที่แล้วมีแต่ร่องรอยการขุดรื้อหาสมบัติ ส่วนบริเวณพื้นที่ของตัวปราสาท มีลักษณะสี่เหลี่ยมกว้างประมาณ 40x40 เมตร ฝั่งตะวันออกมีสระน้ำพื้นที่ประมาณ 2 ไร่